ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PEACE กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ มีเป้าหมายสร้างผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งภายใน 3 ปีข้างหน้า (2565-2567) คาดมีรายได้ขายเติบโตเป็น 2 เท่าตัว จากฐานรายได้ขายปี 2564 และค่อยๆ เติบโตเพิ่มเป็น 3 เท่าตัว ภายใน 5 ปีข้างหน้า (2565-2569) ถือเป็นการเติบโตตามสภาวะเศรษฐกิจไทยที่ค่อยๆ ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และเป็นไปตามแนวโน้มเทรนด์อสังหาริมทรัพย์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ภายหลังการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยผู้บริโภคมักการมองหาหรือเลือกที่อยู่อาศัยที่ต้องมาพร้อมความสะดวกสบาย ความปลอดภัยในทุกมิติ ตอบโจทย์การดำเนินชีวิตอย่างครบถ้วน และต้องมีฟังก์ชั่นครอบคลุมการใช้งานในราคาจับต้องได้ (Affordable price) เพื่อให้เหมาะสมกับกำลังซื้อที่มีและป้องกันการเกิดปัญหาขาดสภาพคล่อง
นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า บมจ.พีซแอนด์ลีฟวิ่ง หรือ PEACE นับเป็นหนึ่งหุ้นอสังหาริมทรัพย์แนวราบขนาดกลาง ที่พร้อมจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต ด้วยทีมผู้บริหารมืออาชีพที่มีประสบการณ์ในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มายาวนานกว่า 30 ปี และผู้บริหารรุ่นใหม่ ที่เข้ามาช่วยพัฒนาแบรนด์ให้แข็งแกร่ง และสร้างการเติบโตแก่ธุรกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว ประกอบกับการทำงานของทีมงานฝ่ายการตลาดและการขายที่มีการสำรวจพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ฝ่ายบริหารสามารถกำหนดรูปแบบบ้านและรูปแบบโครงการ ตรงกับความต้องการลูกค้าและกำหนดกลยุทธ์ต่างๆ ให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้อยู่ตลอดเวลา สะท้อนความแข็งแกร่งด้านผลการดำเนินงาน โดยตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา PEACE สามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ให้อยู่ที่ระดับ 35-40% และในอนาคตข้างหน้า บริษัทฯ จะสร้างการผลการดำเนินงานทั้งรายได้และกำไรให้เติบโตควบคู่กันไปอีกด้วย
สำหรับช่วงการจองซื้อหุ้น IPO ที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนรายย่อยเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นบริษัทฯ ที่มีพื้นฐานทางธุรกิจและการเงินที่แข็งแกร่ง และด้วยศักยภาพในการสร้างความเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน และมีเป้าหมายก้าวเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบชั้นนำของไทย
|