สถานการณ์ของโควิด-19 จึงทำให้ระบบการจัดการโรงแรมจากศูนย์กลาง “Centralized Operation” เกิดประสิทธิภาพที่เด่นชัดขึ้นมากกว่าเดิม โดยโมเดลดังกล่าวจะเริ่มจากการสร้างทีมหลังบ้าน (Back Office) ที่ทำงานโดยทีมบริหารโรงแรมมืออาชีพจากสำนักงานใหญ่โคโคเทล ที่จะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาและสนับสนุนการดำเนินงานด้านต่าง ๆ อย่างสอดคล้องกัน ได้แก่ ทีมขายและทีมตลาด - กับการวางแผนขายห้องพักอย่างมีประสิทธิภาพ เน้นทั้งการขายแบบออนไลน์และผ่านตัวแทนต่าง ๆ พร้อมประเมินสภาพทางการตลาดและปรับโครงสร้างราคาของโรงแรมอย่างเหมาะสม, ทีมบัญชี - ทำงานบันทึกและสรุปงบกำไรขาดทุนอย่างมืออาชีพ, ทีมไอที - ทำหน้าที่คัดเลือกและควบคุมระบบไอที รวมถึงจัดการซอฟต์แวร์ที่จำเป็นต่อการบริหารโรงแรมอย่างเหมาะสม โดยทีมหลังบ้านโคโคเทลจะรับหน้าที่บริหารงานแทนเจ้าของโรงแรม พร้อมส่งมอบรายงานและจัดประชุมแจ้งผลการดำเนินงานเป็นประจำทุกเดือน
ทั้งนี้ ด้วยระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพ ยังสามารถช่วยสนับสนุนการบริหารโรงแรมได้ทุกรูปแบบ แม้เริ่มต้นจากที่ดินเปล่าหรือไม่มีประสบการณ์บริหารมาก่อน ด้วยทีมออกแบบและบริหารงานก่อสร้าง - ให้คำแนะนำการออกแบบอาคาร พร้อมควบคุมการดำเนินงานและทำงานร่วมกับผู้รับเหมา เพื่อให้โรงแรมก่อสร้างได้ตามมาตรฐานของแบรนด์และเป็นไปตามกำหนดเวลา, ทีมจัดหาและอบรมพนักงาน - ทำหน้าที่ประเมินจำนวนพนักงานที่จำเป็นก่อนจัดหา คัดเลือก และอบรมพนักงาน เพื่อสร้างคุณภาพของการบริการให้เป็นไปตามมาตรฐาน, ทีมอาหารและเครื่องดื่ม - กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารที่ช่วยจัดการวางคอนเซปต์อาหาร และคัดเลือกวัตถุดิบคุณภาพในต้นทุนที่เหมาะสม, ทีมจัดซื้อ - ช่วยจัดการคัดสรรสินค้าที่ได้มาตรฐาน รวมถึงดูแลการติดต่อและต่อรองราคา โดยที่เจ้าของโรงแรมไม่จำเป็นต้องจ้างพนักงานประจำในส่วนงานดังกล่าว ทำให้ “Centralized Operation” เป็นโมเดลที่ช่วยลดต้นทุน และสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นพร้อมกัน
นายเรย์ ยังกล่าวต่ออีกว่า แม้ธุรกิจหลักในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างธุรกิจโรงแรมจะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อยู่อย่างต่อเนื่อง แต่โคโคเทลกลับยังคงได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของโรงแรมหลายแห่งให้ช่วยบริหารโรงแรมต่อไป ซึ่งล่าสุดโคโคเทลยังสามารถเซ็นสัญญารับบริหารโรงแรมสวนกระแสความซบเซาของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้เพิ่มอีก 6 สัญญาใหม่ รวม 464 ห้อง
โดยมีการบริหารภายใต้แบรนด์ “Kokotel” ได้แก่ที่
● Kokotel Bangkok Pratunam ประตูน้ำ, กรุงเทพฯ จำนวน 95 ห้อง
● Kokotel Pattaya South Beach ถนนพัทยาสาย 2, พัทยา จำนวน 101 ห้อง
● Kokotel Khao Lak Suwan Palm หาดนางทอง, เขาหลัก พังงา จำนวน 60 ห้อง
และการบริหารภายใต้แบรนด์ของเจ้าของโรงแรม ได้แก่ที่
● Spittze Hotel Pratunam ประตูน้ำ, กรุงเทพฯ จำนวน 85 ห้อง
● Hotel COCO Phuket Bangtao หาดบางเทา, ภูเก็ต จำนวน 77 ห้อง
● Khao Lak Mohin Tara Resort ตะกั่วป่า, เขาหลัก พังงา จำนวน 46 ห้อง
ด้าน ดร.สุพจน์ กุลาตี หนึ่งในเจ้าของโรงแรมภายใต้การบริหารของโคโคเทล กล่าวเสริมว่าการจับมือเป็นพันธมิตรกับโคโคเทลมามากกว่า 4 ปี เป็นการตัดสินใจที่ช่วยให้เกิดโรงแรม Kokotel Phuket Patong และ Kokotel Krabi Ao Nang ขึ้น พร้อมสร้างการเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งความสำเร็จนี้จะถูกต่อยอดในปี 65 นี้ด้วย จากการเซ็นสัญญาร่วมงานกับโคโคเทลต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 และ 4 สำหรับการบริหารโรงแรมในมืออย่าง Kokotel Khao Lak Suwan Palm และ Khao Lak Mohin Tara Resort “ผมรู้สึกพอใจและตื่นเต้นอย่างมากที่ได้ร่วมงานกับโคโคเทลอีกครั้งสำหรับการจัดการโรงแรมทั้ง 2 แห่งที่เขาหลัก และยังเชื่อมั่นด้วยว่าความเป็นมืออาชีพของทีมบริหาร Centralized Operation จะทำให้โรงแรมร่วม 106 ห้อง กลายเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จ ไม่ต่างจากการร่วมมือกันในครั้งก่อนๆ อย่างแน่นอน”
“ความสำเร็จที่เกิดจากดีลทั้ง 6 สัญญาใหม่ ทำให้ปัจจุบัน โคโคเทลมีโรงแรมที่บริหารงานในเครือแล้วทั้งหมด 20 โรงแรมในเมืองท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย ซึ่งผลงานนี้ทำให้เรามีความตั้งใจที่จะต่อยอดขยายโมเดลการบริหารโรงแรมด้วยระบบจัดการ Centralized Operation ออกไปอย่างต่อเนื่อง ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทยและในต่างประเทศอย่างแน่นอน โดยนำเสนอวิธีการแก้ไขปัญหาและคำปรึกษาที่หลากหลายจากทีมบริหารงานโรงแรมมืออาชีพอย่างครบวงจร พร้อมรักษาคุณภาพการบริหารงานตามชื่อ Kokotel ที่มาจาก โคโคโระ (หัวใจ) สัญลักษณ์ของการให้บริการที่อบอุ่นอย่างไทยและมีมาตรฐานแบบญี่ปุ่น” นายเรย์ กล่าวทิ้งท้าย
|