‘ความล้มเหลว’ คือบทเรียนครั้งสำคัญของชีวิต ปี 2013 เบน เบอร์นันเก ประธานธนาคารกลางสหรัฐหรือ Fed กล่าวถ้อยแถลงต่อสภาคองเกรสว่าจะลดวงเงินของการเข้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณหรือ QE ทำให้ราคาทองปรับลดลงถึงจุดต่ำสุดที่ 1,180 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะสิ่งที่เคทยึดถือมาตลอดในการลงทุนว่า “ลงซื้อ ขึ้นขาย” เธอจึงใช้เงินทั้งหมดที่มีในตอนนั้นซื้อทุกราคาที่ปรับลดลง โดยไม่ได้นำเหตุผลอื่น ๆ มาพิจารณาในการเข้าซื้อครั้งนี้ เพราะคิดว่าตัวเองกำลังซื้อทองในราคาที่ถูก!
‘ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนอกหักรักคุด’ เคทพูดขึ้นเมื่อเล่าย้อนไปถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น เพราะการไม่ได้ศึกษาถึงความเสี่ยงของการลงทุนเลยทำให้เธอขาดทุนจนต้อง ‘ล้างพอร์ตนับล้านบาท!’ เธอย้ำว่านี่เป็นบทเรียนครั้งสำคัญในชีวิตที่จะไม่มีวันลืม
อย่ายืมจมูกคนอื่นหายใจในการลงทุน หลังจากขาดทุนจนล้างพอร์ตเธอก็กลับมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า ‘เราขาดอะไรไปทำไมถึงขาดทุน?’ และคำตอบที่ได้คือ ‘ขาดความรู้’ เธอพบว่าตัวเองไม่รู้จัก ‘เทรนด์ขาขึ้น’ และ ‘เทรนด์ขาลง’ ไม่รู้จักแม้แต่ ‘แนวรับ’ และ ‘แนวต้าน’ จึงเริ่มศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนด้วยตัวเองจากบทความในอินเทอร์เน็ตและจากคลิปสอนเทรดต่าง ๆ ที่หาได้ในสมัยนั้น
“หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง” เธอบอกกับตัวเองขณะที่กำลังจะกลับเข้ามาสู่ตลาดการลงทุนอีกครั้งระหว่างที่กำลังศึกษาด้วยตัวเองเธอก็ไปเจอนักเทรดทองชาวต่างชาติท่านหนึ่ง ซึ่งเธอเรียกเขาว่า ‘อาจารย์’ หลังจากติดตามการให้ Signal ทองของอาจารย์มาพักใหญ่ก็เริ่มกลับมาลงทุนโดยการเทรดตาม Signal ที่ซื้อมาจากอาจารย์ท่านนี้ และทำให้เธอค่อย ๆ ทำกำไรได้อีกครั้งจนกระทั่งถอนทุนคืนจากการเทรดที่เคยล้างพอร์ตไปช่วงก่อนหน้านี้
เคทเริ่มซื้อ Signal ทองจากอาจารย์และทำกำไรได้เรื่อย ๆ จนกระทั่งปี 2015 อาจารย์ประกาศว่าจะเลิกขาย Signal เพราะต้องการเกษียณไปใช้ชีวิตเงียบ ๆ นั่นเป็นบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งในชีวิตของเธอว่า ‘อย่ายืมจมูกคนอื่นหายใจในการลงทุน’ เพราะถ้าวันหนึ่งเราไม่สามารถยืมจมูกคนอื่นมาหายใจได้แล้วเท่ากับว่าเราต้องตายเท่านั้น!
เธอจะไปรู้อะไร…ถ้าเธอไม่เรียน! ‘ถ้าไม่มีอาจารย์แล้วจะทำยังไง?’ สิ่งที่เธอตั้งคำถามกับตัวเองอีกครั้ง… คำตอบของคำถามนี้คือเธอต้องเรียนรู้ และต้องหา Signal ได้ด้วยตัวเอง เธอต้องไม่ยืมจมูกคนอื่นหายใจเหมือนที่ผ่านมา เพราะไม่อย่างนั้นอนาคตข้างหน้าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้อาจจะวนซ้ำกลับมาอีกก็ได้ เคทพยายามติดต่อขอให้อาจารย์สอนหา Signal หลายครั้งแต่ได้รับการปฏิเสธ เพราะเป็นเคล็ดลับวิชาเฉพาะตัว เธอใช้เวลาตื้ออยู่หลายครั้งจนกระทั่งอาจารย์ยอมสอน ค่าเรียนที่ต้องจ่ายคิดเป็นเงินหลายแสนบาท แต่เธอยอมจ่ายเพราะเชื่อว่าวิชาที่ได้ จะสามารถทำให้เธอหาเงินได้มากกว่าที่ตัวเองจ่ายไปอย่างแน่นอน
ปี 2015-2016 เธอเปิดแฟนเพจ ‘Kate อัพเดตทอง’ มีผู้ติดตามหลักพัน ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น ‘Krukate อัพเดตทอง’ ในเวลาต่อมาเมื่อเธอมีลูกศิษย์มากขึ้นทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ครูเคทเริ่มฝึกหา Signal ทองด้วยตัวเองควบคู่ไปกับการทำเพจ เธอมองว่าเป็นการฝึกวิชาไปในตัว ช่วงแรกเธอยอมรับว่าหวงวิชาเพราะจ่ายค่าเรียนค่อนข้างแพงและคิดว่าไม่ควรสอนให้ใครง่าย ๆ กระทั่งเริ่มมีคนมาขอให้สอน และความคิดที่ว่าวิชาที่เธอมีจะช่วยให้ชีวิตคนอื่นดีขึ้น ไม่ต้องหลงทางและขาดทุนอย่างตัวเอง ทำให้เธอยอมสอนนักเรียน 2 คนแรก
หลังจากนั้นในปี 2019 ได้เปิดสอนนักเรียนที่โรงแรม Bangkok Marriott Hotel Sukhumvit มีคนลงทะเบียนเรียนกว่า 200 คน นับเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญอีกครั้งในชีวิตของผู้หญิงคนนี้
วินัยในการลงทุนคือหนทางสู่ความสำเร็จ! เมื่อถามว่าอะไรคือ ‘หัวใจหลักของการลงทุน’ ครูเคท ตอบกลับมาว่า ‘วินัย’ แม้วันนี้เธอจะอยู่ในตลาดการลงทุนมากว่า 11 ปีแล้ว แต่เธอยังคงตื่นแต่เช้าเพื่อมานั่งวิเคราะห์กราฟเทคนิค พร้อมกับฟังข่าวเศรษฐกิจและนำมาประกอบการวิเคราะห์การลงทุนเช่นเดิม ไม่มีวันไหนที่เธอไม่ทำอย่างนี้
เมื่อถามว่าสิ่งที่เธอตั้งใจจะทำต่อไปคืออะไร ครูเคทตอบอย่างไม่ลังเลว่า…เธอตั้งใจจะสอนวิชาที่เธอมีให้ลูกศิษย์เรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงวันที่ไม่สามารถทำได้ มีลูกศิษย์หลายคนกลับมาเรียนซ้ำถึง 40 ครั้ง และปัจจุบันประสบความสำเร็จในการลงทุน สามารถปลดหนี้สินและมีเงินเลี้ยงดูคนในครอบครัวได้ ครูเคทพูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิว่า…นี่เป็นรางวัลแห่งความภาคภูมิใจของเธอในฐานะครู มีลูกศิษย์หลายคนที่ประสบความสำเร็จแล้วแต่ก็ยังกลับมาเรียนซ้ำอยู่เรื่อย ๆ อย่างสม่ำเสมอ และเธอไม่เคยเบื่อที่จะสอนเลยสักครั้งเดียว
ปัจจุบันครูเคทยังคง Live วิเคราะห์ Signal ทองที่เพจ “Krukate อัพเดตทอง” เป็นประจำ นับจากวันที่เริ่มเข้ามาสู่ตลาดการซื้อขายทองคำ จนขาดทุนนับล้านบาท และมาถึงวันที่เธอประสบความสำเร็จ สามารถหาเลี้ยงชีพได้ด้วยการลงทุนในทองคำในฐานะ Fulltime Trader และเปลี่ยนชีวิตลูกศิษย์นับหมื่นคนให้สามารถนำสิ่งที่เธอสอนไปปรับใช้ได้รวมแล้วเป็นเวลากว่า 11 ปี ถือเป็นคนไทยที่ประสบความสำเร็จและน่าชื่นชม แน่นอนว่าเธอได้รับการยอมรับจากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติจนได้ชื่อว่า ‘The Queen of Gold’
|