เจาะบล็อกเกอร์เฉพาะกลุ่มบุกเป้าหมายใหม่-ปั้นสินค้าน่าถ่ายรูป
แม้ว่าสินค้าจะได้รับการตอบรับที่ดี แต่ทุกธุรกิจก็ต้องเผชิญกับปัญหาและอุปสรรค เพื่อให้ได้เรียนรู้และแก้ปัญหาซึ่งผู้ประกอบการทั้ง 2 คนก็ต้องผ่านบทเรียนนี้เช่นกัน เจิ้น เล่าให้ฟังว่า โควิด-19 ทำให้เรารู้ว่าในวิกฤตยังมีโอกาส โดยเราพบว่าช่วงโควิดเป็นช่วงที่ทุกคนต้องอยู่บ้าน และกลุ่มนักเรียน นักศึกษา จะใช้เวลาส่วนใหญ่ดูไลฟ์เกม เราจึงเจาะทำการตลาดในกลุ่มนี้โดยการเข้าไปเป็นผู้สนับสนุนเหล่าเกมเมอร์ต่างๆ ที่มีกลุ่มผู้ติดตามจำนวนมาก ถือเป็นสินค้าเพื่อสุขภาพรายแรกที่ทำการตลาดผ่านเกมเมอร์ จนเกิดกระแสแห่ซื้อสินค้าจนของขาดตลาด ทำให้บริษัทมีอัตราการเติบโตถึง 300% ทำให้เราเรียนรู้ว่า การทำการตลาดไม่จำเป็นต้องทำกับกลุ่มเฉพาะประเภทสินค้า แต่ให้ดูว่าช่องทางการทำตลาดนั้นเข้าถึงกลุ่มคนได้มากน้อยเพียงใด เพื่อสร้างการรับรู้และจดจำ และนำมาสู่การบริโภคในที่สุด
ด้าน อร กล่าวเสริมว่า ช่วงวิกฤตโควิด-19 จำเป็นต้องปิดโรงงานบางแห่ง เนื่องจากห้างปิด ทำให้รายได้หายไปส่วนหนึ่ง ขณะที่รายจ่ายยังคงมีอยู่ เราจึงมองหาช่องทางการตลาดอื่นเพิ่มเติม พร้อมผลิตสินค้าใหม่ๆ ออกสู่ตลาด โดยจากการสังเกตพฤติกรรมผู้บริโภคพบว่า คนรุ่นใหม่ชอบการถ่ายภาพ หากเราผลิตสินค้าที่น่ารับประทาน ถ่ายภาพออกมาสวย รสชาติอร่อย พร้อมทำการตลาดผ่านบล็อกเกอร์ที่ได้รับความสนใจในช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ช่องทาง Instagram , Facebook , TikTok ก็น่าจะช่วยเพิ่มยอดขายได้ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับดีเกินคาด จนทำให้สินค้าขาดตลาด ซึ่งทาง เซเว่น อีเลฟเว่น ก็แนะนำให้เราเพิ่มกำลังการผลิตและกำลังคน เพื่อผลิตสินค้าให้ได้ตามความต้องการของตลาด เรียกได้ว่าหากไม่มีช่องทางขายทางโมเดิร์นเทรด ธุรกิจเราคงไม่สามารถทำยอดขายได้หลัก 100 ล้านบาทต่อปีและไม่สามารถเติบโตมาได้จนถึงปัจจุบัน
คุณภาพต้องเป๊ะ-พร้อมเปลี่ยนแปลงให้ทันโลก
เมื่อมาถึงคำถาม How to ทำธุรกิจอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ ทั้ง 2 ผู้ประกอบการก็เปิดเผยแบบหมดเปลือกว่า สิ่งที่ทำให้ อร ประสบความสำเร็จได้ก็คือ คุณภาพ เราทำธุรกิจด้านอาหาร หากเราผลิตสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ ผู้บริโภคก็จะไม่กลับมาซื้อสินค้าของเราซ้ำอย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังต้องเปิดใจและไม่ปิดบังเรื่องต่างๆ กับคู่ค้า โดยเฉพาะเรื่องปัญหา เพื่อจะได้ร่วมกันแก้ไข ไม่ได้กระทบกับธุรกิจที่ทำร่วมกัน พร้อมกับมองหาช่องทางการตลาดอื่นเพิ่มเติม เพื่อกระจายความเสี่ยงธุรกิจ
ขณะที่ เจิ้น มุ่งเน้นไปที่การศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมแบบรอบด้านทั้ง ด้านการตลาด ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค รวมถึงมองหาโอกาสในการขยายช่องทางการตลาดใหม่ๆ ไม่จำกัดแค่ช่องทางใดช่องทางหนึ่ง รวมถึงต้องมีความพร้อมอยู่เสมอ กล่าวคือ พร้อมที่จะปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในตลาดโมเดิร์นเทรดที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว เพราะความสำเร็จที่แท้จริงไม่ใช่แค่การเข้าตลาดโมเดิร์นเทรดได้ แต่การอยู่ในตลาดนี้ได้นานต่างหากคือความสำเร็จที่แท้จริง
สำหรับกิจกรรมอบรมให้ความรู้ผู้ประกอบการ SME ภายใต้ชื่อ “DIPROM MOVE TO MODERN TRADE” ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดีๆ ที่เปรียบเสมือนทางลัดสู่ตลาดขนาดใหญ่อย่างโมเดิร์นเทรด เพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต
|