ทั้งนี้ในส่วนของ บริษัท อะมิตี้ อินชัวร์รันซ์ โบรคเกอร์ จำกัด หรือ Amity และบริษัท ดีพี เซอร์เวย์ แอนด์ลอว์ จำกัด หรือ DP Survey ซึ่งเป็นบริษัทย่อยภายใต้กลุ่มธุรกิจสนับสนุนประกันภัย (Insurance Supported Business) ของ TIPH นั้น บริษัทฯ จะสามารถรับรู้รายได้และกำไรของทั้งสองบริษัทเข้ามาได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/2565 เป็นต้นไป โดยที่แผนธุรกิจในปี 2565 บริษัทฯ ตั้งเป้าให้ Amity พัฒนา Insurance Aggregator Platform สำหรับรวบรวมตัวแทนและนายหน้าขนาดกลางและขนาดเล็กทั่วประเทศไทย และในส่วนของ DP Survey จะพัฒนา Surveyor Platform เพื่อเป็นเครือข่าย Surveyor ให้ลูกค้าเข้าถึงบริการได้อย่างรวดเร็วและเป็นมาตรฐานเดียวกัน ทั้งนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายจะนำทั้งสองบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ภายใน 5 ปี
นอกจากนี้ สำหรับแผนการลงทุนของ TIPH ในช่วงที่เหลือของปี 2565 นั้น TIPH มีแผนลงทุนเพิ่มในบริษัทประกันวินาศภัย เพื่อนำใบอนุญาตการประกอบธุรกิจประกันภัย มารองรับการแยกหน่วยธุรกิจประกันภัยที่มีศักยภาพของบริษัทในกลุ่มออกเป็นบริษัทประกันภัยใหม่ (Spin-Off) อย่างน้อย 2 บริษัทในปีนี้ โดยจะเป็นบริษัทประกันวินาศภัยดิจิทัล 100% และบริษัทประกันภัยตะกาฟุล (Takaful) แห่งแรกของประเทศไทย รวมไปถึงการตั้งบริษัทด้านเทคโนโลยีสำหรับกลุ่มธุรกิจประกันภัย 100% หรือ Technology Company for Insurance Business เพื่อดูแลระบบสารสนเทศให้กับทุกๆบริษัทที่อยู่ในกลุ่ม อีกทั้งบริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินธุรกิจประกันภัยในประเทศกัมพูชา ซึ่งน่าจะสำเร็จได้ภายในปีนี้
ทั้งนี้ ด้วยความพร้อมของบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ทั้งในด้านของโครงสร้างธุรกิจที่มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ รวมทั้ง โครงสร้างกลุ่มผู้ถือหุ้นที่แข็งแกร่งและพร้อมสนับสนุนแผนการขยายธุรกิจในอนาคต ประกอบกับ บริษัทฯ มีแหล่งเงินทุนที่พร้อมรองรับแผนการลงทุนของบริษัทฯได้แล้วทั้งหมด ทั้งในส่วนของเงินปันผลจาก ทิพยประกันภัย และการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารพาณิชย์ชั้นนำในประเทศไทย นอกจากนี้ ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 ได้มีมติอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้ในวงเงินไม่เกิน 2,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุนตามแผนธุรกิจในปีนี้ด้วย ขณะที่ TIPH มีเป้าหมายที่จะลงทุนในธุรกิจที่มีกำไรเท่านั้น ดังนั้น บริษัทฯ จึงมั่นใจว่าจะสามารถรักษาอัตราการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในระดับที่ไม่ต่ำกว่าเดิม และสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างยั่งยืนในอนาคตได้ ดร. สมพร กล่าวทิ้งท้าย
|