จุดกำเนิดของ Metaverse
ผู้อำนวยการ สำนักการจัดการศึกษาออนไลน์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ยังอรรถาธิบายถึงจุดกำเนิดของ Metaverse ด้วยว่าเกิดจาก Web 3.0 ซึ่งเป็นเว็บที่ทุกคนสามารถสร้างหรือลงเนื้อหาและสามารถพูดคุยกันได้ “เมื่อมาเป็น Metaverse แล้ว จะช่วยให้กลายเป็นโลกเสมือนจริง โดยใช้แค่คอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ทโฟน หรือผ่านอุปกรณ์พิเศษที่ถูกสร้างขึ้นมารองรับ อย่างแว่น AR/VR สำหรับใช้ Interact หรือพูดคุยกับบุคคลอื่น ๆ บน Visual Reality Word แต่หากพูดถึงการเข้ามามีส่วนร่วมในเทคโนโลยี ก็จะมาในรูปแบบของ Blockchain, Cryptocurrency, Defi, NFT, ฯลฯ นับเป็นการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาเชื่อมต่อกัน โดยเทคโนโลยีเหล่านี้ จะเป็น Decentralized แต่หากเป็นแอพพลิเคชั่นเราสามารถใช้ Metaverse ได้ผ่านทาง Facebook, Instagram และ Twitter ซึ่งในปัจจุบันองค์กรใหญ่ๆ หลายแห่งทั่วโลกกำลังเร่งพัฒนาออกมา หรืออยู่ในช่วง ของการวิจัย”
Metaverse กับภาคธุรกิจ
เช่นเดียวกับเรื่องของธุรกิจในวันนี้ หลายบริษัทที่ได้เปิดรับพนักงานในตำแหน่งงานที่มีความรู้ทางด้าน Metaverse อย่างกว้างขวางมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นระดับผู้บริหารที่จะเข้ามาเพื่อพัฒนาองค์กร “หากพูด ภาพรวมแล้วการหาผู้เข้าใจใน Metaverse นั้นจำเป็นต้องนึกถึง 3 เรื่องหลัก นั่นคือ Web 3, M-Worlds และ AR/VR/MR ที่ในหลายภาคธุรกิจได้มีการใช้เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ Hardware Software หรือ Mobile AR ก็จะเริ่มมีให้เห็นเยอะขึ้น ทำให้ Metaverse มีโอกาสเนรมิตสิ่งที่ไม่มีตัวตนจริงให้เกิดขึ้นและมีมูลค่าสูงขึ้น”
Metaverse กับภาคการศึกษา
ขณะที่ด้านการศึกษานั้นดร.วรสรวงเล่าว่า MetaVerse ในโลกของการศึกษา จะมี Meta Data ที่มีส่วนช่วยให้เราวิเคราะห์ได้ เช่นสามารถเข้าไปดูได้ว่านักเรียนแต่ละคนเข้าเรียนวันละกี่รอบ เข้าเรียนจาก ที่ไหน ด้วยอุปกรณ์อะไร ใช้ Avatar แบบไหน ชอบคุยกับใคร ตอบคำถามตอบแบบไหน ตอบทีเดียวหรือ ใช้เวลาตอบๆ หยุดๆ หรือบางครั้ง เราสามารถดูได้ว่าเนื้อหาแบบเรียนบทไหนที่เด็กไม่เข้าใจและย้อนกลับ ไปดูซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อให้ผู้สอนเองนำไปปรับให้ดีขึ้น เพื่อความเข้าใจในการเรียนการสอนมากขึ้น “นอกจากนี้ Metaverse ยังสามารถสร้างแรงดึงดูดให้ผู้เข้าเรียนในวิชาต่างๆ หันมาให้ความสนใจมากขึ้น โดยผู้สอนสามารถ เปลี่ยนตัวเองเป็นร่างอวตารได้ตรงกับความต้องการของผู้เรียน หรือแต่งห้องที่มีสภาพแวดล้อมที่น่าสนใจซึ่ง ถือเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงดึงดูดทางด้านการศึกษาได้ดี”
ไม่เพียงเท่านั้น ประโยชน์ของ Metaverse ยังมีอีกมากมาย เช่นการค้นหาข้อมูล จากแหล่งข้อมูลต่างๆ ได้มากมาย “แต่ที่สำคัญในโลกเสมือนจริงนี้ ยังทำให้เกิดการเชื่อมโยง และสร้างปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนหรือคนที่ อยู่ในโลกเสมือนจริงนี้ได้ รวมถึงพูดคุยกันได้อย่างใกล้ชิด แม้จะอยู่ต่างสถานที่กันก็ตาม อย่างเช่น เพื่อนของเรา อยู่อีกเมืองหนึ่ง เราอยู่อีกเมืองหนึ่ง แต่เมื่อเราสวมใส่อุปกรณ์ VR/AR ก็ทำให้รู้สึกว่า เพื่อนคนนั้นเข้ามานั่งอยู่ ในห้องเดียวกับเรา และพูดคุยกันได้เหมือนในโลกจริง”
สร้างโลกส่วนตัวได้ด้วยตัวคุณเอง
ในโลก Metaverse ยังเรียกว่า มีข้อดีที่แตกต่างไปจากโลกจริง ซึ่ง ดร.วรสรวงให้ความรู้เพิ่มเติม ด้วยว่าวันนี้มีแอพพลิเคชั่นหลายราย กำลังเปิดให้บริการเข้าไปใช้พื้นที่ในโลกเสมือนจริง ทั้งแบบให้บริการฟรี และแบบมีค่าใช้จ่าย เราสามารถห้องหรืออาคารสถานที่ส่วนตัวแบบพิเศษที่เราสามารถตกแต่งให้เป็นแกลอรี่ รูปภาพ ห้องนิทรรศการ หรือ แม้แต่ห้องเรียนให้ความรู้ รวมถึงยังสามารถแชร์ ไปให้กับเพื่อนๆ หรือผู้ที่สนใจ เพื่อชักชวนให้เข้ามาชมผลงานที่คนๆนั้น สร้างขึ้น “ไม่ใช่แค่นั้นครับ เรายังสามารถกระโดด หรือก้าวเข้าไป ท่องเที่ยวในโลกต่างๆ ที่เจ้าของพื้นที่เปิดต้อนรับให้เข้าไปเยือนได้เช่นกัน ทำให้เราเปิดโลกของเราได้อย่าง มากมาย และทำให้เกิดการติดต่อสื่อสารผ่านคอมมูนิตี้ ที่หลากหลายในโลกเสมือนจริงมากขึ้นด้วย
“โลกกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงและรวดเร็ว โดยเฉพาะโลกในยุคที่โควิดยังไม่จางหายไป ทำให้เราคาดเดาได้ไม่ยากเลยว่า ในอนาคตอันใกล้นี้โลกของการเรียนการสอนหรือแม้แต่ธุรกิจย่อมต้องเกิด การเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน” ดร.วรสรวงตอกย้ำ
อีกด้านของ Metaverse!
กระนั้นก็ตาม แม้ว่าปัจจุบันเราจะมองเห็นข้อดีของการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดจาก Metaverse ทว่าสำหรับอีกมุมมองหนึ่งของ ดร.วรสรวงยังบอกด้วยว่า แม้วันนี้ Metaverse จะเป็นเรื่องที่ทุกคนกำลัง ให้ความสนใจ แต่ก็ใช่ว่าจะทำให้ทุกคนเข้าถึงโลกแห่ง Metaverse ได้ “การเข้าถึง Metaverse ยังคงมีข้อจำกัด อยู่อีกมาก ทั้งเรื่องของราคาอุปกรณ์ที่ถูกนำมาใช้เชื่อมต่อ ซึ่งบางอุปกรณ์มีราคาถึงหลักแสน ทำให้คนที่มี รายได้จำกัด อาจจะยังไม่สามารถเข้าถึงโลกเสมือนจริงนี้ได้”
ขณะเดียวกัน Metaverse เป็นอีกเทคโนโลยีที่ต้องใช้พลังงานและทรัพยากรอินเตอร์เน็ตค่อนข้างมาก “บางคนอาจจะรู้สึกเหมือนสะดุด หรือรู้สึกว่าอินเตอร์เน็ตของตัวเอง หน่วงๆ ช้าๆ และรู้สึกไม่คล่องตัว หรือ ไม่เสถียรในการเข้าไปท่องโลก Metaverse ก็เพราะต้องใช้พลังงานสูง ส่งผลให้เกิดการสิ้นเปลืองทรัพยากร ทางอินเตอร์เน็ตค่อนข้างมาก ขณะที่ผู้สร้างเทคโนโลยีนี้ก็ยังไม่ได้รับผลตอบรับเท่าที่ควร แม้จะมีการลงทุนสูง ก็ตาม ทำให้วันนี้ ผมเชื่อว่าโลกของเรายังไม่พร้อมที่จะก้าวกระโดด ไปสู่โลก Metaverse”
“แต่เมื่อถึงอนาคตอีกไม่นานที่โลกจะเข้าสู่ยุค 6G ที่จะเร็วกว่า 5G ถึง 100 เท่านั้น โลกของ Metaverse คงจะยิ่งมีความซับซ้อนและชวนให้ติดตามและหลงไหลได้มากๆ”
ดร.วรสรวงยังฝากเตือนไปถึงผู้ที่กำลังสนุกสนานอยู่ในโลก Metaverse ให้ระมัดระวังเรื่องของ มิจฉาชีพที่แอบแฝงเข้ามาในโลกเสมือนจริงที่ดูไม่แตกต่างไปจากแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ ที่กำลังระบาดอยู่ในเวลานี้ “การเข้าไปในโลก Metaverse แต่ละครั้งผู้ใช้ควรจะใช้วิจารณญาณให้มาก และไม่ควรใส่ข้อมูลสำคัญอะไร ลงไปในโลกเสมือนแห่งนี้ ซึ่งนั่นอาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้แกงค์ที่แฝงตัวอยู่ใน Metaverse เข้าถึงข้อมูล ส่วนตัวของผู้ใช้ได้ เพราะต้องจำไว้ให้ดีว่าในโลกเสมือนนั้น ไม่ใช่แค่เราจะเป็นใครก็ได้ที่อยากจะเป็น แต่คนอื่นๆ ก็สามารถใช้ร่างอวตาร สร้างตัวตนเป็นคนอื่นมาหลอกลวงเราได้เช่นกัน” ดร.วรสรวงยังทิ้งท้ายด้วยว่า แม้โลก Metaverse จะเป็นโลกเหนือจินตนาการที่เราสามารถสร้างอะไรขึ้นมาก็ได้ แต่โลก Metaverse ก็ไม่สามารถ เข้ามาทดแทนโลกจริงของเราได้ทั้งหมด
ผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาชมกิจกรรมสัมมนาออนไลน์ย้อนหลัง เพื่อฟังแนวคิดของดร.วรสรวง ดวงจินดา และเหล่ากูรูด้านดิจิทัลคอนเทนต์ใน BIDC 2022 Webinar ทั้ง 19 หัวข้อที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับเหล่าพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน จัดขึ้นในงาน BIDC 2022 ได้ทาง www.facebook/bidc.fest
|