
ณัฐ รดาสีร์ พิชยพาณิชย์
ขึ้นชื่อว่าเครื่องประดับย่อมคู่ควรกับสาวๆปฎิเสธไม่ได้ว่าเครื่องประดับ อย่าง จิลเวลรี่ ช่วยเสริมสร้างบุคลิคให้เราดูดี ดูแพง ขึ้นมาได้อย่างแน่นอน แต่ด้วยสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้หลายคนมองว่าการที่จะควักเงินในกระเป๋าเพื่อซื้อเครื่องประดับสักชิ้นซึ่งเป็นของฟุ่มเฟื่อยเห็นทีจะเกินความจำเป็น ด้วยราคาที่ไม่อาจเอื้อม หรืออย่างต่ำๆก็คงต้องควักเงินหลักพัน หลักหมื่น ยันหลักแสนกันเลยทีเดียว ส่องธุรกิจคนดังปักษ์นี้เราจะพามาทำความรู้จักกับ คุณ ณัฐ รดาสีร์ พิชยพาณิชย์ นักธุรกิจสาวไฟแรง เจ้าของ ธุรกิจจิวเวลรี่แบรนด์ Prinrada ต้องบอกเลยว่าแบรนด์นี้เค้าไม่ธรรมดาจริงๆ มีทำจิวเวลรี่ ส่งออกนอก กอปรกับทำจิวเวลรี่ให้แบรนด์ดังๆระดับโลกมาแล้ว โดยล่าสุด คุณณัฐ เกิดปิ๊งไอเดียที่จะเปิดทำการตลาดจิวเวลรี่ในประเทศไทย โดยออกคอเลคชั่นแรกซึ่งเป็นการไว้อาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งเป็นจิวเวลรี่ที่สามารถใส่ได้ในทุกๆวัน และที่สำคัญราคาไม่แพงมากเป็นราคาที่ทุกคนสามารถจับต้องได้ แต่ก็อย่างว่าของถูกและดียังมีในโลก
สำหรับแบรนด์Prinradaจะใช้วัสดุที่มีคุณภาพโดยสร้อยได้สั่งนำเข้าจากอิตาลีเท่านั้น วัสดุจะเป็นเกรด A ทั้งหมด และเพื่อเป็นการตอกย้ำว่าแบรด์ Prinrada แตกต่างและไม่เหมือนใคร เห็นทีจะเป็นตัวชูโรงของแบรนด์ ที่เรียกว่า Dancing Stone และเรียกคอเลคชั่นของในหลวงรัชกาลที่9 ว่า Rhythm Of Love With Dancing Stone ซึ่งมีกลไกตรงกลางที่ทำให้เพชรเต้นหรือขยับได้ในทุกๆการเคลื่อนไหวของผู้ที่สวมใส่ หลังจากออกคอเลคชั่นแรกประสบความสำเร็จ กระแสตอบรับดีมากๆ คุณณัฐ ผู้บริหารคนเก่ง ยังแอบกระซิบบอกด้วยว่าในอนาคตจะมีเป็นคอเลคชั่นวันวาเลนไทน์ที่จะสื่อถึงความรักที่มีต่อในหลวงรัชกาลที่9 ซึ่งเป็นคอนเซปต์ต่อเนื่องจากตัว Dancing Stone อีกด้วย
สำหรับ Prinrada จะไม่มีหน้าร้านขายผ่านโซเชี่ยลเท่านั้น แต่ในอนาคตมีแนวโน้มที่จะเปิดหน้าร้านเป็นของตัวเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยภาวะทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญด้วย

หันมาจับธุรกิจจิวเวลรี่ได้ยังไง?
“จริงๆทำธุรกิจส่งออกมาได้หลายปี แต่เพิ่งจะมาเปิดตลาดที่จะมาทำขายในประเทศโดยที่เราออกคอเลคชั่นแรกมาเกี่ยวกับการไว้อาลัยในหลวงรัชกาลที่9 ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นให้เราสร้างแบรนด์นี้ขึ้นมา มันเป็นแรงบันดาลใจที่ว่าตัวนณัฐเองเพิ่งคลอดน้องแล้วก็ไม่สามารถที่จะไปกราบพระบรมศพได้ก็เลยอยากทำอะไรสักอย่างที่เป็นการไว้อาลัยแล้วก็สามารถทำให้คนอื่นได้ร่วมการไว้อาลัยด้วย อะไรประมาณนี้ค่ะเรารู้ว่าเราอยู่ในสภาพที่ไปไม่ได้ก็เลยอยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อแสดงความเคารพกับในหลวงรัชกาล9”
ทำไมเราถึงมาทำเองและมีความแตกต่างจากแบรนด์อื่นยังไงบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้มีผลิตให้กับแบรนด์ดังๆระดับโลก มาทำตรงนี้มีจุดดึงดูดอะไร?
“เราเริ่มต้นจริงๆแบบเราแตกต่างไหมถือว่าแตกต่างมากสำหรับคอเลคชั่นนี้ เราเปิดมาเป็นคอเลคชั่นไว้อาลัย ซึ่งคนอื่นจะทำเป็นเลข9หรือโบทั่วไป แต่ของเราจะทำเป็นจิวเวลรี่ที่คุณใส่ได้ทุกๆวันและไม่มีคำว่าเบื่อเรามีลูกเล่นใส่ลงไปเพื่อที่คุณยังสามารถไว้อาลัยได้ทุกวัน เพิ่มความเป็นแฟชั่นได้ทุกวัน สามารถจะใส่กับชุดอะไรก็ได้ ทำงานก็ได้ ไปงานก็ได้ ไปเที่ยวก็ได้ ไม้จำเป็นต้องติดเข็มกลัดโบทุกวัน แต่จะเป็นสร้อย ต่างหู เป็นเข็มกลัดเก๋ๆได้หมดเลย”
วัสดุอุปกรณ์ที่เราเลือกนำมาทำเครื่องประดับ?
“เราจะใช้เงินแท้น่ะค่ะตัวที่เป็นเพชร จะเป็นCZ ที่คุณภาพดีที่สุดจากเกาหลี หลังจากเสร็จงานแล้วจะนำผลงานของเราชุบทองคำขาวหลังจากนั้น จะชุบ แอนติทานิชอีกชั้นหนึ่งเพื่อกันหมองกันดำ แล้วก็สร้อยที่เราใช้กับจี้ทุกตัวจะนำเข้าจากอิตาลีเท่านั้น แล้วเราก็นำมาชุบทองคำขาวอีกครั้งเหมือนกัน”
ลงทุนไปเยอะไหมกับคอเลคชั่นแรก?
“ไม่น้อยเลยค่ะ (หัวเราะ) แต่ก็ทำมาด้วยใจเพื่อให้ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วมกับเรา เราอยากจะไว้อาลัยให้ในหลวงทุกๆวัน”
เห็นบอกว่าต้นทุนแพง แต่ตั้งราคาสามารถจับต้องได้?
“ใช่ค่ะ เราเปิดราคาโปรโมชั่นก็อยู่ที่หลักร้อยเองน่ะค่ะแต่ว่าราคาเราก็อยู่ที่หลักพันต้นๆ ถ้าเทียบคุณภาพที่เราทำ เราทำส่งออกจริงๆวัตถุดิบที่เราใช้เป็นเกรดA ทั้งหมด ถือว่าขายในราคาค่อนข้างถูกมาก คนทั่วไปสามารถซื้อได้”
รู้มาว่าตอนนี้มาจับช่องทางออนไลน์?
“ตอนนี้มีทางเฟสบุ๊ค อินสตาแกรม และก็ไลน์ ชื่อ Prinrada ชื่อเต็มๆPrinrada Bangkok เพราะฉะนั้นเวลาเสิร์ช facebook จะเป็น Prinrada.bkk ถ้าเป็นไลน์ @ Prinrada และ IG @ Prinrada.bkk”
เพื่อเป็นการตอกย้ำแบรนด์ของเราจะเห็นว่าจิวเวลรี่มีออกมาให้เห็นมากมายอยากจะทราบว่ามีอะไรเป็นแรงบันดาลใจให้ลูกค้าเห็นว่า มันใช่ ?
“อาจจะเป็นในเรื่องของดีไซน์ที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใครและไม่ได้ตามแฟชั่นมากแต่เราเป็นดีไซน์ที่ใช้ได้ทุกวันเรามีตัวชูโรงของเรา Dancing Stone เราจะเรียกคอเลคชั่นของในหลวงเรียกว่า Rhythm of love With Dancing Stone เราจะมีกลไกตรงกลางที่ทำให้เพชรเต้นแล้วก็ขยับไปได้ทุกการเคลื่อนไหวไปพร้อมกับเรา ก็เลยตั้งคอนเซ็ปท์ว่าเราจะมีพลังที่มาจากความรักของเราที่มีให้กับรัชกาลที่ 9 จะสิงสถิตย์ในตัวเราไปตลอด ทุกครั้งที่เราใส่จิวเวลรี่ชิ้นนี้ เพื่อให้ได้รำลึกถึงในหลวง”
หลังจากที่คอเลคชั่นแรกประสบความสำเร็จจะต่อยอดยังไงต่อไป?
“ยังคงคอนเซปท์Dancing Stone เพราะเราเป็นเจ้าแรกที่ผลิตขายในประเทศ อาจมีคอเลคชั่นวาเลนไทน์ อาจจะมีทำโปรดักส์เกี่ยวกับเด็ก อยากให้เด็กใส่ได้และปลอดภัยซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากน้องปฤณ ลูกชาย”
คอเลคชั่นที่สองเกี่ยวกับวันวาเลนไทน์ที่จะสื่อความรักถึงในหลวง?
“จะเป็นวันวาเวนไทน์จะสื่อขึ้นมาถึงตัวDancing Stone พยายามทำอะไรให้สอดคล้องกับความรักที่มีต่อรัชกาลที่9”
ปีหน้ามีแพลนเปิดหน้าร้านหลังจากประสบความสำเร็จทางโซเชี่ยล?
“กำลังดูสถานที่อยู่ว่า เหมาะกับตลาดเราไหม ดูเศรษฐกิจด้วยโดยรวม ว่าพร้อมให้เราลงทุนหรือยัง อาจเป็นห้างใหญ่ใจกลางเมืองค่ะ”
ฝากถึงแบรนด์?
“เราเอาจุดแข็งมาOffers ให้กับตลาดเมืองไทย จริงๆตัวDancing Stone นี่เป็นลิขสิทธิ์ที่เค้าจดสิทธิบัตรทางปัญญาทั่วโลกของคนญี่ปุ่น แต่เราไปทำContract กับทางบริษัทเพื่อเป็น licensee ที่ถูก.ต.เองเพราะเราอยากให้คนไทยหันมาใส่เพชรที่ขยับได้เพื่อสร้างพลังหยิน หยาง ให้ตัวเอง ในอนาคตเราจะมีพลอยเป็น Birth Stone เกี่ยวกับเดือนเกิด ใส่แล้วสร้างพลัง หนุนพลังหยิน หยาง สามารถสั่งซื้อได้ใน IG และ Facebook”

















ก็เอาเป็นว่าใครที่อยากจะมีเครื่องประดับจิวเวลรี่เก็บไว้ครอบครองสักชิ้นสองชิ้น แบรนด์ Prinrada เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นในด้านราคา ดีไซน์ที่เก๋ไก๋ ไม่ซ้ำใคร สำหรับใครที่สนใจและต้องการสั่งซื้อก็สามารถสั่งซื้อผ่านทางออนไลน์ได้เลยน่ะจ๊ะ

ณัฐ รดาสีร์ พิชยพาณิชย์