หากขยายความเพิ่ม ด้วยการที่คุณต่าย อรทัย อยู่ในวงการมานานจึงมีแฟนคลับที่หนาแน่น โดยเฉพาะในประเทศไทย และ สปป.ลาว ผนวกกับความที่เป็นคนทันสมัย Social Media ของคุณต่าย อรทัย จึงมีแฟนคลับรวมตัวอยู่อย่างหนาแน่นถึง 5,500,000 Followers ใน Facebook, 600,000 Followers ใน Instagram และ 720,000 คน ใน YouTube และ ด้วยความที่คุณต่าย อรทัย เป็นคนรักสวยรักงาม ให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเอง รักษาสุขภาพ และ มีระเบียบวินัยในการใช้ชีวิต
สินค้าชุดแรกจากต่าย อรทัย จึงถูกผลิตคิดค้นออกมา 3 SKU ในกลุ่มสกินแคร์ ได้แก่
1. Aura-Thai Triple8 Aura White Serum เซรั่มสูตรเข้มข้นเนื้อบางเบา บำรุงผิวอย่างล้ำลึก ช่วยให้ผิวแลดูกระจ่างใส รอยดำจากฝ้า กระ แลดูจางลง และช่วยลดเลือนริ้วรอยได้อย่างเป็นธรรมชาติ
2. Aura-Thai Triple8 Aura White Day Cream SPF50 PA+++ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และ ปกป้องผิวจากแสงแดด เนื้อบางเบา ช่วยบำรุงผิวอย่างเหนือชั้น พร้อม SPF50 PA+++ ที่ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ให้ผิวพร้อมเผชิญแสงแดดระหว่างวัน
3. Aura-Thai Triple8 Aura White Mask Sheet แผ่นมาส์กหน้าบำรุงผิว เพื่อผิวหน้าแลดูกระจ่างใส คืนความชุ่มชื้นให้ผิว และ ช่วยบำรุงผิวตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้
ที่มาของแบรนด์ ออร่า-ทัย (Triple8 Aura White) และ ความแตกต่าง
หนึ่งในประเด็นสำคัญคือการที่อยากให้ผู้บริโภค และ แฟนคลับเชื่อมั่นว่าคุณต่าย อรทัย เป็นเจ้าของสินค้าจริงๆ ซึ่งกล้าที่จะการันตีคุณภาพด้วยตนเอง เพราะฉะนั้น ชื่อแบรนด์สินค้าจึงมีความสำคัญที่จะต้องสะท้อนถึงตัวตนของคุณต่าย อรทัย ผนวกกับการให้ผลลัพธ์ของสินค้าที่อัดแน่นไปด้วยคุณสมบัติที่ช่วยในเรื่องความกระจ่างใส ช่วยให้ผิวเรียบเนียน รอยดำจากฝ้า กระ แลดูจางลง และ ลดเลือนริ้วรอยได้อย่างเป็นธรรมชาติ และ เป็นสินค้าจากคนไทย จึงทำให้ชื่อ “ออร่า-ทัย” (AURA-THAI) จึงเป็นชื่อแบรนด์ที่ลงตัว และ เหมาะสมที่สุด
นายภาวิต จิตรกร ได้อธิบายว่า หากสรุปถึงสินค้าแบรนด์ “ออร่า-ทัย” (AURA-THAI) และ ความแตกต่าง เราสามารถสรุปได้เป็น 8 หัวข้อใหญ่ๆ ดังนี้
1. Brand Purpose ที่แตกต่าง
ออร่า-ทัย จะเป็นแบรนด์สินค้าที่ใช้ “ความจริงใจ” ในการดำเนินธุรกิจขายตรง ที่ได้สะท้อนถึงตัวตนของคุณต่าย อรทัย ที่เป็นคนซื่อตรง จริงใจ ไม่โกหกหลอกลวง
2. กลุ่มเป้าหมายที่แตกต่าง
เราเจาะกลุ่มคนต่างจังหวัดเป็นหลัก กลุ่มสาวอีสาน หรือผู้ใช้แรงงานที่ต้องสู้ชีวิต หาเลี้ยงตนเอง และ ครอบครัว ซึ่งมีความฝัน และ มีการดำเนินชีวิต ไม่ต่างจากคุณต่าย อรทัย ที่เปรียบเสมือน “ดอกหญ้าในป่าปูน
3. Brand Idea ที่แตกต่าง
เราใช้ Brand Idea “สวยสู้ชีวิต” เป็นแกนในการขับเคลื่อนแบรนด์ความงามที่มีความแตกต่างจากจุดยืนของ Brand สกินแคร์อื่นๆ เพราะเราเชื่อว่าการแข่งขันในการประโคมความดีความงามของประสิทธิภาพ และ คุณภาพสินค้า ถือเป็นเรื่องพื้นฐานที่ทุก Brand ต้องทำอยู่แล้ว หากแต่ Business Idea ของ Brand ออร่า-ทัย เป็นเรื่องของความสอดคล้อง และ ความเชื่อมโยงของคนที่มีทัศนคติ และ วิถีชีวิตที่ต้องผ่านความลำบากมาเหมือนอย่างชีวิตของคุณต่าย อรทัย เราเชิดชู และ ส่งต่อความมั่นใจแบบลูกอีสานที่จะสามารถสร้างความงามที่แตกต่างเป็นเอกลักษณ์ สร้างความภูมิใจ และ โอกาสของการหารายได้เสริมแบบคนสู้ชีวิต
4. ส่วนผสมผลิตภัณฑ์ที่แตกต่าง
เพราะเราวางกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน และ แตกต่าง เราจึงตั้งใจพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของคนต่างจังหวัด และ สภาวะอากาศร้อนแบบประเทศไทย โดย ออร่า-ทัย ทริปเปิลเอท ออร่า ไวท์ (AURA-THAI Triple8 Aura White) มี 2 ส่วนผสมที่สำคัญ ได้แก่
1. สารสกัดจากเกสรดอกบัวหลวง (Lotus Extract) พืชที่ทนทุกสภาวะอากาศ โดยผ่านการสกัดด้วยวิธีการล้ำสมัย อุดมด้วยสารแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ดีต่อผิวสูงถึง 2 เท่า จึงให้ประสิทธิภาพในการช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น แลดูกระจ่างใส และ ลดเลือนริ้วรอยได้อย่างเป็นธรรมชาติ
2. ผนวกกับ Advanced Peptide 8 Complex คือ การรวมตัวกันครั้งแรกของ Peptide 8 ชนิด ที่ถูกคัดสรรมาจากทั่วโลกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นบำรุง ช่วยให้ผิวเรียบเนียน แลดูกระจ่างใส รอยดำจากฝ้า และ กระ แลดูจางลง
5. ผลลัพธ์ที่แตกต่าง
ผลลัพธ์ใหม่จากผลการวิจัย และ พัฒนา ออร่า-ทัย ทริปเปิลเอท ออร่า ไวท์ (Aura-Thai Triple8 Aura White) ผู้ใช้จะรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ภายใน 8 ชั่วโมง ช่วยให้ผิวแลดูกระจ่างใสขึ้นใน 8 วัน และ ผิวแลดูเรียบเนียน รู้สึกได้ถึงความสว่างมีออร่า ใน 8 สัปดาห์
6. รูปแบบธุรกิจแบรนด์ขายตรงที่แตกต่าง
ออร่า-ทัย เป็นแบรนด์สินค้าขายตรงในรูปแบบ SLM (Single-Level Marketing) จึงเป็นรูปแบบธุรกิจที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน ซื้อมาขายไป ได้กำไรทันทีที่ขายได้ ไม่มีค่าสมัครรายปี มีการอบรมให้ฟรี และ ให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งการสมัครเป็นตัวแทน สามารถทำได้ 3 ช่องทางหลัก ได้แก่ การโทร. 02-669-9888, การ Add Line Official : @Aura-Thai หรือ ติดต่อผ่านตัวแทนขายออร่า-ทัย
7. เจ้าของสินค้าที่แตกต่าง
ต่าย อรทัย ลงมาทำเองทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็น การตั้งชื่อ การเลือกส่วนผสม การออกแบบบรรจุภัณฑ์ และ การลงรายละเอียดในแผนธุรกิจทั้งหมดร่วมกับ GMM GOODS เส้นทางของการทำธุรกิจจึงออกจากความคิด และ ความเป็นตัวตนของต่าย อรทัย ที่เป็นเจ้าของสินค้าจริงๆ ไม่ใช่ Boss ไม่ใช่ Presenter แต่เป็น ต่าย อรทัย ความภูมิใจของลูกอีสานที่ต่อสู้ดิ้นรน อดทน เพื่อสร้างความสำเร็จของธุรกิจ และ ตัวแทนขาย
8. งานโฆษณาที่แตกต่าง
แคมเปญ “สวยไปด้วยกัน สู้ไปด้วย” ทาง GMM GOODS ได้ร่วมมือกับ คุณต่อ ฟีโนมีน่า หรือคุณธนญชัย ศรศรีวิชัย ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณามือ 1 ในการพัฒนาโฆษณาที่โดดเด่น และ แตกต่างจากโฆษณาสกินแคร์ทั่วๆไป โดยชิ้นงานโฆษณาได้เชิดชูความงดงามของคนต่างจังหวัดที่สู้ชีวิต ขายของอย่างไม่หลอกลวง ให้แง่คิดว่าปลายทางของความงามนั้นเราทำไปเพื่ออะไร และ ยังมีคอนเทนต์ และ สื่อสนับสนุนต่างๆ อีกมากมาย
คุณต่าย อรทัย กล่าวปิดท้ายว่า “ต่ายหวังอยากให้ทุกคนได้ใช้ออร่า-ทัยแล้วรู้สึกว่าใช้ดี อยากให้ทุกคนเมื่อนึกถึงสกินแคร์ก็ต้องนึกถึงออร่า-ทัย อยากเห็นคนได้ใช้แล้วมาบอกว่าดีจริงๆนะ อีกส่วนนึงสำหรับคนที่มาร่วมงานกับต่าย หลายคนอาจจะมีงานประจำทำกันอยู่แล้ว แต่มีออร่า-ทัย จะเป็นส่วนหนึ่งที่มาช่วยให้หลายๆคนได้มีรายได้เสริม นำไปเลี้ยงดูพ่อแม่ ครอบครัว แถมมีความรู้ไปพัฒนาตัวเอง สำหรับหนังโฆษณาต่ายคิดว่าดีมากๆค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่ต่ายได้ทำอะไรแบบนี้ แถมสินค้าก็เป็นของเราจริงๆ เราเห็นตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ที่ออกมาเป็นสินค้า และ มีหนังโฆษณา ต่ายไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากบอกว่าดีใจที่มีวันนี้ค่ะ”
ดังนั้น การที่ GMM Grammy มองเห็นโอกาสทางธุรกิจของแหล่งรายได้ใหม่ให้กับธุรกิจเพลงที่มีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว ด้วยการนำจุดแข็งของ Asset ที่มีอยู่ คือ “ศิลปิน” ที่มีความหลากหลายครบทุก Segment อีกทั้งยังมีชื่อเสียง และ ฐานแฟนคลับเป็นจำนวนมากจึงทำให้มีข้อได้เปรียบด้าน Big Data ที่รู้ว่าลูกค้าคือใคร พฤติกรรมการซื้อเป็นอย่างไร จึงตัดสินใจเดินหน้ารุกธุรกิจขายตรงแบบ SLM (Single-Level Marketing) เต็มสูบ พร้อมปั้นแบรนด์ “ออร่า-ทัย” (AURA-THAI) ที่มี “ต่าย-อรทัย ดาบคำ” นักร้องลูกทุ่งหญิงอันดับ 1 ของไทย เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ออกมาเจาะตลาดสกินแคร์ บนแลนด์มาร์คใหม่ ภายใต้ชื่อบริษัท “GMM GOODS” จึงมั่นใจว่าการขยายธุรกิจของ GMM Grammy ในครั้งนี้ จะกลายเป็นแหล่งรายได้อีกหนึ่งช่องทางที่สามารถสร้างความเจริญเติบโตได้อย่างมั่นคง และ ยั่งยืนควบคู่กันไปกับธุรกิจเพลงอย่างแน่นอน
|