“แม้ว่ารายได้จากช่องทางหลักจะลดลง แต่เรายังสามารถรักษากำไรไว้ได้ โดยปัจจัยหลักมาจากการที่บริษัทฯ บริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงเหลือ 45.9% เพราะในช่วงเวลาดังกล่าว นอกจากบริษัทฯ จะจัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้า เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้บริโภคซึ่งได้รับผลกระทบจากรายได้ที่ลดลงตามมาตรการของรัฐแล้ว บริษัทฯ ยังใช้กำลังการผลิตบางส่วนดำเนินการผลิตหน้ากากผ้าสำหรับบริจาคให้หน่วยงานต่างๆ ที่มีความต้องการใช้อย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในส่วนของบุคลากรทาง
แพทย์ เจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐที่ทำงานบริการประชาชน รวมถึงบริจาคให้กับนักเรียนในถิ่นที่ขาดแคลนหน้ากากผ้า ซึ่งถือเป็นกิจกรรมช่วยเหลือสังคมในภาวะวิกฤติที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ทั้งนี้ หลังจากสถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายและมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น ก็มั่นใจว่า บริษัทฯ จะกลับมารักษาการเติบโตของอัตรากำไรขั้นต้นได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน” นายบุญชัยกล่าว
สำหรับช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯ ยังคงต้องติดตามสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ รวมถึงการประเมินกำลังซื้อจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่จึงจะกลับสู่ภาวะปกติ ตลอดจนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ โดยเฉพาะการกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน ซึ่งหากว่าสถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับก็จะทำให้ผลประกอบการของบริษัทฯ ในครึ่งหลังของปี มีแนวโน้มที่ดีขึ้นหลังจากพ้นจุดต่ำสุดในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ และคาดว่าจะกลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งอีกครั้งในปี 2564
|