“ทุกครั้งที่เรามีเทคโนโลยีใหม่ๆ เราจะให้ความรู้เชิงลึกทั้งหมดแก่ทันตแพทย์อย่างรอบด้าน เพื่อให้นำไปใช้ในการรักษาได้ ด้วยเหตุนี้หัตถการของทันตแพทย์จำนวนมากในปัจจุบันจึงได้นำการรักษาด้วยระบบดิจิทัลรูปแบบใหม่ๆ มาใช้ และใช้อย่างมีจุดมุ่งหมายมากขึ้นกว่าที่เคย และศูนย์ฝึกอบรมแห่งใหม่นี้จะเป็นสถานที่ในการเรียนรู้ให้แก่ทันตแพทย์ในไทยได้เป็นอย่างดีตลอดหลายปีข้างหน้านี้” คุณศศิธรกล่าว
Align มีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกภูมิภาคและทุกช่องทาง โดยล่าสุดมีผู้รับการรักษา
มากถึง 8.6 ล้านคน มีแพทย์ที่ผ่านการฝึกอบรมกว่า 182,000 คน และ Align ดำเนินงานในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ ยังเปิด Invisalign Center ในสิงคโปร์และกรุงเทพฯ เพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคในพื้นที่และช่วยแนะนำ
แพทย์ที่ให้บริการจัดฟันแบบใส Invisalign นอกจากนี้ บริษัทยังได้ลงทุนมากกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
(ประมาณ 3,118 ล้านบาท) ในการทำการตลาดกับผู้บริโภคทั่วโลกเพื่อสร้างการรับรู้และจูงใจให้ผู้บริโภคสนใจการรักษากับ Invisalign
นอกจากการเปิดตัวศูนย์ฝึกอบรมแห่งใหม่แล้ว Align ยังเดินหน้าขยายธุรกิจด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้เพื่อสนับสนุนแพทย์เพื่อฟื้นฟูผลกระทบจากโควิด-19 โดยในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา Align ได้เร่งพัฒนาเครื่องมือเสมือนจริงเพื่อลดจำนวนการนัดหมายในคลินิกให้น้อยที่สุด และให้บริการรักษาเฉพาะบุคคลที่ตรงตามคำแนะนำของแพทย์และความต้องการของผู้รักษา เพื่อมอบความไว้วางใจ ความปลอดภัย ความสะดวก และการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง
เทคโนโลยีใหม่ๆ ดังกล่าว ได้แก่ Invisalign Virtual Appointment, Invisalign Virtual Care และ My Invisalign App
ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้รับการรักษามากยิ่งขึ้น โดยผู้รับการรักษาสามารถติดต่อกับแพทย์จากระยะไกลเพื่อติดตามความคืบหน้า ลดเวลาในการเดินทาง และเพื่อให้มั่นใจว่าได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง
“จากผลกระทบของโควิด-19 ทาง Align ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญที่จะช่วยเร่งแก้ไขปัญหารอบด้านเพื่อลดความเสี่ยงให้กับแพทย์และคนไข้ นอกจากการช่วยบริจาคเครื่องมือป้องกันต่างๆ ที่จำเป็นต่อแพทย์และโรงพยาบาลทั่วโลกแล้ว
ในประเทศไทยเราได้ทำการบริจาค Face shield ให้กับโรงพยาบาลรามาธิบดี ในขณะเดียวกันเราได้ยกระดับและ
ให้ความสำคัญแก่การเร่งพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น Invisalign Virtual Appointment, Invisalign Virtual Care
และ My Invisalign App ซึ่งความพยายามของเราในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาได้รับผลตอบรับในเชิงบวกเป็นอย่างมาก
มีความสนใจใหม่ๆ เกี่ยวกับทันตกรรมดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มขึ้น รวมถึงในกลุ่มแพทย์ที่ยังไม่เคยลองนำโซลูชันมาปรับใช้งานในช่วงก่อนเกิดการระบาด เราเห็นผลตอบรับและกระแสในเชิงบวกต่อการจัดฟันแบบใส Invisalign ขั้นตอนการปฏิบัติงานแบบดิจิทัล และระบบสแกนภาพ iTero ซึ่งทันตแพทย์หลายท่านบอกเราเป็นเสียงเดียวกันว่าระบบ iTero ได้กลายเป็นเครื่องมือหลักในการทำงานไปแล้ว และเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ขับเคลื่อนทันตกรรมดิจิทัลในภูมิภาคนี้” คุณศศิธรกล่าวเสริม
|