ทั้งนี้ Tristage Inc เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ซึ่งดำเนินธุรกิจ BPO (Business Process Outsourcing) รายใหญ่อันดับ 1 ในประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะด้านการให้บริการ Media Management และระบบ Database Marketing ล่าสุดได้ขายหุ้น TVD ในสัดส่วน 4.99% จากเดิมที่ถือหุ้นสัดส่วน 12.75% ให้แก่ momo inc ส่วนหุ้นที่เหลืออีก 7.77% เตรียมขายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม
ที่สำคัญบริษัท Tristage ไม่ได้ Divest หรือไม่ได้ถอนการลงทุนจากประเทศไทย แต่กำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการลงทุนกับบริษัทใหม่ ที่กำลังดำเนินการควบรวม (amalgamation) บริษัทในเครือของ TVD ทั้ง 6 บริษัทตามที่ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2563 คาดว่าการควบรวมจะแล้วเสร็จในเดือนมกราคม 2564 โดยบริษัทดังกล่าวจะเป็นบริษัท Tech-Enabler สำหรับบริษัททุกขนาดที่ต้องการจะใช้ Business Model ในรูปแบบ D2C (Direct to consumer) โดยบริษัทใหม่จะมีเทคโนโลยีไว้บริการอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Insure-Tech, Food-Tech, Edu-Tech, Mar-Tech และยังสามารถช่วย Client ของบริษัทไปจนถึงระดับ Operating Execution ได้อีกด้วย
ขณะที่บริษัท momo inc เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไต้หวัน ซึ่งดำเนินธุรกิจ E-Commerce และเป็นอันดับ 1 ในประเทศไต้หวันอีกด้วย โดย momo ได้เข้าร่วมทุนกับ TVD ด้วยการตั้งบริษัทลูกเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมาและตามแผนงานของบริษัทฯ จึงได้ควบรวมกิจการหรือ m&a บริษัทลูกเมื่อต้นปี 2563 และ Swap หุ้นให้ momo เข้ามาถือหุ้น TVD ในสัดส่วน 15% และ momo ได้ลงทุนเพิ่มเติมอีก 5% รวมเป็น 20% ทั้งนี้เมื่อรวมกับการซื้อหุ้น 4.99% จาก Tristage ในครั้งนี้ จะส่งผลให้ momo ถือหุ้นใน TVD รวมทั้งสิ้น 24.99%
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า momo มีความตั้งใจดำเนินการธุรกิจ E-Commerce ในประเทศไทยอย่างแรงกล้า และขณะนี้บริษัทกำลังอยู่ในช่วงการเปลี่ยน Backbone Software Architecture ทั้งด้านการปฎิบัติการและด้านการวางระบบ E-Commerce โดยใช้แพลตฟอร์มของไต้หวันที่จะทำให้รองรับปริมาณ Transaction เพิ่มขึ้นและที่สำคัญยังรวดเร็วขึ้นด้วย
“การจัดโครงสร้างธุรกิจและโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ครั้งนี้ เราได้รับความเห็นชอบเอกฉันท์จากทุกฝ่ายทั้งผู้ถือหุ้นต่างประเทศและในประเทศ เพื่อให้บริษัทฯ รับมือได้ทั้ง Technology Disruption และ New Disorder World” นายทรงพล กล่าว
|