และในปี 2564 ได้เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ การเคหะแห่งชาติได้กำหนดมาตรการช่วยเหลือลูกค้าใหม่ผ่าน 3 รูปแบบโปรโมชั่น เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2564 ได้แก่ 1. โปรโมชั่นดอกเบี้ยเช่าซื้อ 0% เป็นเวลา 1 ปี สำหรับลูกค้าที่สถาบันการเงินปฏิเสธสินเชื่อสามารถยื่นขอสินเชื่อ จากโครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย หรือทำสัญญาเช่าซื้อโดยตรงกับการเคหะแห่งชาติ พร้อมรับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2. โปรโมชั่นลดราคา (Shock Price) โครงการบ้านเอื้ออาทร 56 โครงการ กำหนดราคาขายเงินสดหน่วยละ 250,000 – 520,000 บาท และ 3. โปรโมชั่นเช่าราคาพิเศษ 999 – 1,200 บาทต่อเดือนในปีแรก จำนวน 84 โครงการที่การเคหะแห่งชาติกำหนด
สำหรับแนวทางการให้ความช่วยเหลือลูกค้าปัจจุบันในปี 2564 ได้แก่ 1. ลดอัตราดอกเบี้ยค่าเช่าซื้อที่อยู่อาศัย 2. ลดค่างวดเช่าซื้อที่อยู่อาศัยโดยขยายเวลาการผ่อนชำระ 3. ปรับโครงสร้างหนี้ลูกค้าเช่าซื้อที่ค้างชำระค่าเช่าซื้อ และ 4. ส่วนลดค่างวดเช่าซื้อ 1,000 บาท สำหรับลูกค้าเช่าซื้อที่มีประวัติชำระดี ไม่มีหนี้ค้างชำระ
นอกจากมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แล้ว การเคหะแห่งชาติยังได้ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้เข้าถึงบริการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น โดยจัดทำโครงการสินเชื่อเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 29 มกราคม 2562 เห็นชอบในหลักการให้การเคหะแห่งชาติจัดทำโครงการดังกล่าว ในวงเงิน 5,207 ล้านบาท โดยปีงบประมาณ 2563 และปี 2564 สำนักงบประมาณได้พิจารณาจัดสรรงบประมาณให้จำนวน 692.80 ล้านบาท สำหรับการดำเนินโครงการฯ ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารการให้สินเชื่อเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัย (คบส.) เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 โดยมีผู้บริหารระดับสูงของการเคหะแห่งชาติ รวมถึงผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่างๆ ร่วมทำหน้าที่บริหารการให้สินเชื่อเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ปัจจุบันได้อนุมัติสินเชื่อไปแล้วจำนวน 114 ราย คิดเป็นวงเงินที่ปล่อยสินเชื่อ จำนวน 75.83 ล้านบาท
นอกจากนี้การเคหะแห่งชาติยังได้ดำเนินการระดมทุนผ่านการออกพันธบัตรเพื่อสังคม (Social Bond) จำนวน 6,800 ล้านบาท โดยได้รับความช่วยเหลือทางวิชาการแบบให้เปล่าจากธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) และสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง โดยมีธนาคารออมสินเป็นผู้จัดการจัดจำหน่าย และกระทรวงการคลังค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ย ซึ่งการดำเนินการระดมทุนผ่านการออกพันธบัตรเพื่อสังคม (Social Bond) ในครั้งนี้ ใช้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ (Refinance) อันเนื่องมาจากโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย จำนวน 5 โครงการ และในปี 2564 การเคหะแห่งชาติตั้งเป้าหมายการออกพันธบัตรเพื่อสังคม หรือพันธบัตรเพื่อความยั่งยืนเพื่อนำเงินที่ได้มาลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง
สำหรับโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง รองรับผู้อยู่อาศัยเดิม ระยะที่ 2 อาคาร A1 สูง 32 ชั้น 1 อาคาร 635 หน่วย รองรับผู้อยู่อาศัยเดิมจากแฟลตที่ 9 - 17 และแฟลตที่ 63 - 64 จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างประมาณเดือนเมษายน 2564 คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปี 2566 และอาคาร D1 สูง 35 ชั้น 1 อาคาร 612 หน่วย รองรับผู้อยู่อาศัยเดิมจากแฟลตที่ 23 – 32 ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง และโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง รองรับผู้อยู่อาศัยใหม่ ระยะที่ 3 และ 4 จำนวน 13,746 หน่วย (แปลง D2, แปลง E และแปลง B) รองรับข้าราชการ และประชาชนทั่วไป ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาทบทวนแนวทางการร่วมลงทุนกับภาคเอกชน
สำหรับในปี 2564 การเคหะแห่งชาติเตรียมขับเคลื่อนโครงการพัฒนาที่อยู่อาศัย จำนวน 5 โครงการ ได้แก่ โครงการบ้านเคหะสุขประชา และเศรษฐกิจสุขประชา จำนวน 20,000 หน่วย (ทั่วประเทศ) โครงการที่อยู่อาศัยสำหรับข้าราชการชั้นผู้น้อยที่เกษียณอายุ “บ้านเกษียณสุข” โครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ Senior Complex โครงการที่อยู่อาศัยตามแนวโครงข่ายคมนาคม (TOD) และ โครงการที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการ ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนนโยบายของภาครัฐให้เป็นไปตามแผนแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี ภายใต้วิสัยทัศน์ “คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยถ้วนทั่วและมีคุณภาพชีวิตที่ดีในปี 2579 (Housing For All)
|