ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ ประธานหลักสูตรปรัชญาดุษฏีบัณฑิต ในสาขาวิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล และผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. กล่าวว่า งานวิจัยการศึกษากิจกรรมทางกายในบริบทไทย รำไทยและโขน ของภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งพัฒนาร่วมกับ สำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. พบว่า มีส่วนช่วยในการพัฒนาด้านสมอง โดยส่งผลให้เกิดการทำงานสอดประสานกันในหลายส่วน ทั้งการมองเห็น การลำดับท่าทางการเคลื่อนไหว รวมไปถึงการฟังจับจังหวะให้สอดคล้องกับการออกท่าทางรำซึ่งเป็นการฝึกฝนให้สมองหลายๆ ส่วนทำงานพร้อมกัน
การพัฒนาด้านความจำ เกิดการจดจำลำดับท่าทางการรำ เพื่อนำมาใช้ประกอบการเคลื่อนไหวจะช่วยฝึกฝนการทำงานของสมองได้เป็นอย่างดี ทำให้เกิดการดึงข้อมูลและลำดับการเอามาใช้อย่างเป็นระบบ สอดคล้องกับจังหวะและเพลงที่ได้ยิน และการพัฒนาการด้านอารมณ์ ขณะมีการเคลื่อนไหวสมองจะถูกกระตุ้นให้เกิดการทำงานมากขึ้น และไปลดผลของสมองส่วนที่เรียกว่า อะมิเดล่า (Amygdala) ซึ่งเป็นส่วนที่ควบคุมด้านอารมณ์เป็นหลัก ส่งผลผู้รำสามารถลดอารมณ์ด้านลบได้ ทำให้มีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันโรค NCDs และป้องกันโรค Office Syndrome เพราะการเคลื่อนไหวในแต่ละท่วงท่าของ รำไทย โขน และ มวยไทย ช่วยให้เกิดการขยับกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายและเสริมสร้างความแข็งแรง ดังนั้นการนำผลวิจัยดังกล่าวมาพัฒนาต่อยอดจนเกิดเป็นเพลงไทยและท่าเต้นไทย “จังหวะไทย จังหวะหัวใจ” พบว่าเสียงเพลงไทยช่วยสร้างความสนุกสนานในการทำกิจกรรม อีกทั้งเป็นการช่วยกำกับการเคลื่อนไหวท่วงท่าในการรำและเต้น ทำให้เกิดการฝึกความจำในการจำท่ารำประกอบไปกับเสียงเพลง รวมถึงทำให้เกิดการผ่อนคลายจากความเครียดที่เกิดขึ้นจากการทำงานในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย ดังนั้นอยากสุขภาพดีพิมพ์ค้นหา “จังหวะไทย จังหวะหัวใจ”
|