สอดคล้องกับ นายสุขสันต์ ภู่วัฒนา เจ้าของสวนเงาะบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่สะท้อนถึงวิกฤตที่คนต้นน้ำกำลังเผชิญ โดยระบุว่า “ปัญหาโควิดในครั้งนี้ถือว่าเดือดร้อนหนักที่สุดในรอบ 18 ปี ทั้งด้วยเรื่องตลาดและเรื่องแรงงาน บวกกับปีนี้ผลผลิตมีปริมาณมากสวนทางกับตลาดรองรับ ทำให้ยอดขายและราคาต่ำลง เงาะทั่วไปราคาต่ำกว่าปีที่แล้วประมาณร้อยละ 40 แต่ท็อปส์ก็ยังเป็นคู่ค้าที่ดีมาตลอด โดยตลอด 4 ปีที่ผ่านมาทาง ท็อปส์ช่วยเหลือเยอะมาก ทั้งช่วยพัฒนาผลผลิต ช่วยพัฒนาคุณภาพเงาะทำให้ขายผลิตผลได้ในราคาที่สูงกว่าเดิม นอกจากนี้ยังช่วยด้านการระบายสินค้าอีกด้วย”
ในขณะที่ นายสุเนตร อินต๊ะพิงค์ เจ้าของสวนลำไยในจังหวัดลำพูน ระบุว่า “ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากที่ไม่สามารถส่งออกลำไยไปต่างประเทศได้ ทำให้ตอนนี้ต้องขายตลาดภายในประเทศเท่านั้น ท็อปส์เข้ามาช่วยรับซื้อ โดยมีออเดอร์จากท็อปส์อย่างสม่ำเสมอ มีการทำแผนการตลาดรูปแบบใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ ช่วยให้ผลผลิตออกมาขายได้มากขึ้น อีกทั้งราคารับซื้อถือว่าเป็นไปอย่างยุติธรรม และตามกลไกตลาด ช่วงไหนที่เรามีผลผลิตในปริมาณมาก ก็สามารถคุยและวางแผนในการส่งลำไยได้ นอกจากนั้น ท็อปส์ยังช่วยแก้ปัญหาเรื่องภาชนะบรรจุ ทำให้เราลดต้นทุนได้อีกด้วย”
นอกจากนี้ นายสเตฟาน ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา ท็อปส์ได้ดำเนินนโยบายเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรไทยมาอย่างสม่ำเสมอ ทั้งการลงพื้นที่ไปให้ความรู้เพื่อพัฒนาและต่อยอดสินค้า การรับซื้อตรงผลผลิตในราคายุติธรรม สนับสนุนช่องทางจำหน่ายเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องเกษตรกรไทยให้สามารถฝ่าฟันวิกฤตครั้งนี้ไปได้ จึงอยากเชิญชวนประชาชนคนไทยร่วมอุดหนุน บริโภคผลไม้ไทยคุณภาพดีส่งตรงจากสวน ได้แล้ววันนี้ที่ ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ ซูเปอร์ สโตร์, ท็อปส์ เดลี่,เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, แฟมิลี่มาร์ท และท็อปส์ ออนไลน์
|