“Think-Pair-Share เติมเต็มการเรียนรู้ สร้างการมีส่วนร่วม ด้วยเทคนิคเพื่อนคู่คิด”
ในด้านฝั่งโรงเรียนเอกชน นางวราภรณ์ ทรัพย์สมบูรณ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการและมาตรฐานคุณภาพ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ได้เปิดเผยว่า โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัยได้เริ่มนำรูปแบบการเรียนการสอนแบบ Active Learning มาปรับใช้ตั้งแต่ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ครูผู้สอนมีประสบการณ์และสามารถนำมาปรับใช้กับการสอนรูปแบบออนไลน์ในช่วงที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี โดยยึดแนวคิดสำคัญของการสร้างการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม คือ “เต็มใจเรียนรู้” และ “สนุกกับการมีส่วนร่วม” การจัดการเรียนการสอนแบบโครงงานเป็นฐาน (Project Based Learning) และการจัดการเรียนการสอนโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problems Based Learning) ถูกนำมาใช้ในกลุ่มการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และกลุ่มวิชาคณิตศาสตร์
เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ค้นคว้าและลงมือปฏิบัติจริงจากกิจกรรมการทดลองซึ่งสามารถทำได้เองที่บ้าน โดยยึดจากเรื่องรอบตัวในชีวิตประจำวันที่นักเรียนสนใจ ส่วนครูผู้สอนมีบทบาทในการกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ และปรับความยากง่ายของโจทย์ให้เป็นไปตามระดับชั้น นอกจากนี้โรงเรียนยังใช้การจัดการเรียนการสอนแบบสะท้อนคิด (Think Pair Share) และการจัดการเรียนการสอนที่เน้นแบบร่วมมือ (Collaborative Learning Group) ด้วยกิจกรรมการแบ่งกลุ่มหรือจับคู่ ให้นักเรียนได้พูดคุยถึงประเด็นปัญหาที่แต่ละคนสนใจ และนำมาร่วมกันคิดวิเคราะห์เพื่อหาคำตอบและนำเสนอร่วมกันในชั้นเรียน วิธีการนี้ทำให้นักเรียนได้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิด และมีส่วนร่วมในชั้นเรียนอย่างเท่าเทียม รวมถึงเพิ่มทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่นอีกด้วย
“ในระยะแรกครูผู้สอนอาจยังมีความกังวล เนื่องจากไม่คุ้นชินกับการปรับการเรียนการสอน ทางโรงเรียนได้ใช้วิธีการ Peer Coaching หรือเพื่อนช่วยเพื่อน ให้เพื่อนครูในกลุ่มสาระในช่วงวัยเดียวกันคอยนิเทศการสอนเพื่อพัฒนาครูร่วมกัน เพื่อให้การสอนมีประสิทธิภาพมากที่สุด นอกจากนี้ โรงเรียนยังได้เห็นความสำคัญของความคิดเห็นจากนักเรียน ซึ่งนับเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการนำไปปรับปรุงวิธีการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาของโรงเรียน ที่มีความกล้าแสดงออกและสามารถเสนอแนะถึงวิธีการสอน รวมทั้งเสียงจากผู้ปกครองที่ช่วยเสนอแนวคิดใหม่ๆ มาโดยตลอด เพื่อร่วมกันพัฒนาการจัดการเรียนการสอนตามแนวทางการเรียนรู้ร่วมกันต่อไป”
อย่างไรก็ดี กระบวนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาสมรรถนะแบบผู้เรียนสร้างความรู้ด้วยตนเองข้างต้น ถือเป็นหนึ่งในภารกิจการปฏิรูประบบการศึกษาไทยของ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ที่ได้กำหนดกรอบการปฏิรูประบบการศึกษาไทยเชิงนโยบาย ด้านการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนสู่การเรียนรู้ฐานสมรรถนะ เพื่อตอบสนองการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 หรือ บิ๊กร็อคที่ 2 ที่มีเป้าหมายให้ผู้เรียนในทุกระดับชั้นเป็นผู้มีความรู้และทักษะในการดำรงชีวิตในโลกยุคใหม่ เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสังคมและโลก ส่วนหนึ่งของตัวอย่างความสำเร็จ คือ โมเดลในการปรับเปลี่ยนกระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning โดย กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ผ่านโรงเรียนต้นแบบ 30 โรงเรียน ที่นักเรียนสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมขึ้นกว่า 1,500 นวัตกรรม และกำลังเร่งขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆ ให้ครอบคลุมสถานศึกษาทั่วประเทศโดยเร็ว
|