อีกหนึ่งปัญหาที่สำคัญของผู้หญิงทั่วโลกรวมถึงผู้หญิงไทย นั่นก็คือ การติดเชื้อซ้ำซ้อน ทำให้เสียค่าใช้จ่ายในการรักษา รวมถึงการบั่นทอนคุณภาพชีวิตและความมั่นใจ การติดเชื้อราซ้ำซ้อนมักพบในผู้หญิงอายุระหว่าง 15-54 ปี โดยช่วงอายุ 25-34 ปี เป็นกลุ่มที่มีโอกาสเกิดมากที่สุดถึงร้อยละ 9 และพบว่าผู้หญิงกว่า 75% จะติดเชื้อราในช่องคลอดอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต คาดการณ์ว่าปัญหาการติดเชื้อซ้ำซ้อนในผู้หญิงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ภายในปี 2030 นอกจากนี้ช่องคลอดอักเสบจากการติดเชื้อ ยังเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่นำไปสู่การเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ ผู้หญิงเราจึงควรดูแลสุขภาพจุดซ่อนเร้นอย่างถูกต้อง เพราะนอกจากจะสามารถป้องกันการติดเชื้อซ้ำซ้อนได้แล้ว ยังทำให้ผู้หญิงมีความมั่นใจและมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
ไลฟ์สไตล์ที่ควรระวัง เพราะทำให้สาวๆ เสียสมดุลในช่องคลอดตามธรรมชาติ
· อาหาร การรับประทานอาหารที่ไม่สะอาดหรืออาหารหมักดองทำให้จุลินทรีย์เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายจนเกิดการเสียสมดุลกับจุลินทรีย์ดี หรือรับประทานอาหารที่มียาปฏิชีวนะปนเปื้อนอยู่และไปฆ่าจุลินทรีย์ดีในช่องคลอด ล้วนแต่ทำให้สมดุลของช่องคลอดตามธรรมชาติเสียไป
· ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันลดลงโอกาสที่เชื้อโรคฉวยโอกาสจะเจริญเติบโตในช่องคลอดจึงมากขึ้น
· สุขอนามัยจุดซ่อนเร้น การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่รักษาความสะอาดก่อนและหลังมีกิจกรรมก็ทำให้เกิดการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ก่อโรคและเชื้อราเข้าสู่ช่องคลอดไปทำให้เสียสมดุลกับจุลินทรีย์ดี
· ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและการใช้ห้องน้ำสาธารณะ การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลจุดซ่อนเร้นที่มีการผสมน้ำยาฆ่าเชื้อและมีความเป็นด่างสูงล้วนแต่ไปทำอันตรายต่อจุลินทรีย์ดีบริเวณจุดซ่อนเร้นทั้งสิ้น ทำให้เชื้อโรคฉวยโอกาสเจริญเติบโตได้ดี รวมทั้งการใช้ห้องน้ำสาธารณะที่ไม่สะอาดหรือใช้สายฉีดน้ำจากห้องน้ำสาธารณะซึ่งอาจจะมีเชื้อโรคปนเปื้อนอยู่ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดการติดเชื้อด้วยเช่นกัน
· การแต่งกายและความอับชื้นและการใส่ผ้าอนามัยแบบสอดหรือแผ่นเล็ก การใส่เสื้อผ้ารัดรูปและผ้าใยสังเคราะห์โดยเฉพาะกางเกงยีนส์และกางเกงชั้นในที่รัดแน่น รวมทั้งการใช้ผ้าอนามัยแผ่นเล็กปิดจุดซ่อนเร้นเพื่อการรักษาความสะอาดล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราบริเวณจุดซ่อนเร้นทั้งสิ้น
· การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศหญิงและการใช้ยาบางชนิด การใช้ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทานจะไปเปลี่ยนสภาพของผนังช่องคลอดให้บางลงรวมทั้งค่าความเป็นกรดลดลงจนเชื้อราเจริญเติบโตได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญผู้หญิงนั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของฮอร์โมนเพศหญิงที่จะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น ฮอร์โมนเพศหญิงที่ลดลงจะไปทำให้ผนังช่องคลอดบางลงและสารอาหารของจุลินทรีย์โพรไบโอติกธรรมชาติลดลง ทำให้ไม่สามารถผลิตกรดแลคติกได้เพียงพอจนความเป็นกรดอ่อนๆเสียไป ไม่สามารถป้องกันและฆ่าจุลินทรีย์ ก่อโรคได้เหมือนเดิม
ปัญหาต่างๆ สามารถแก้ไขได้ด้วยการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการดูแลสุขภาพของจุดซ่อนเร้นอย่างถูกวิธี และสิ่งที่สำคัญที่สุดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และการติดเชื้อซ้ำซ้อนนั่นก็คือ การปรับสมดุลของจุดซ่อนเร้น โดยปรับสภาพความเป็นกรดด่างให้อยู่ในภาวะกรดอ่อนๆ และมีปริมาณของแลคโตแบซิลลัสสายพันธุ์ธรรมชาติในปริมาณที่เหมาะสม โดยมีการศึกษาวิจัยพบว่า การได้รับโพรไบโอติก แลคโตบาซิลลัส แอซิโดฟิลัส และ แลคโตบาซิลลัส รามโนซัส ในปริมาณที่เพียงพอจะช่วยลดการติดเชื้ออักเสบในช่องคลอด และลดโอกาศการติดเชื้อซ้ำซ้อนลงได้ทั้งเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา รวมไปถึงการช่วยลดการอักเสบติดเชื้อของกระเพาะปัสสาวะ และการอักเสบเรื้อรังในช่องคลอดที่อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดเซลล์มะเร็งจากการติดเชื้อนั่นเอง
ดูแลสุขภาพผู้หญิงได้ง่ายๆ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของโพรไบโอติก
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมของโพรไบโอติกมีหลากหลายรูปแบบ สาวๆ ควรเลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีโพรไบโอติกสายพันธ์ที่เป็นสายพันธุ์หลักของระบบการเจริญพันธุ์ ระบบทางเดินปัสสาวะส่วนปลาย และระบบทางเดินอาหาร ที่มีการศึกษาวิจัยรองรับถึงคุณประโยชน์ ได้แก่ แลคโตบาซิลลัส รามโนซัส (HN001) แลคโตบาซิลลัส แอซิโดฟิลัส (La-14) แลคโตบาซิลลัส แอซิโดฟิลัส (NCFM) ที่มีปริมาณโพรไบโอติกมากเพียงพอที่จะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ มีส่วนผสมของพรีไบโอติกเพื่อเป็นอาหารให้โพรไบโอติกใช้เจริญเติบโต เช่น อินูลิน
และฟรุคโตโอลิโกแซคคาไรด์ และควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความน่าเชื่อถือ มีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ (Traceability) เก็บรักษาง่าย พกพาสะดวก และง่ายต่อการรับประทาน
การปรับสมดุลในจุดซ่อนเร้น เพื่อป้องกันการติดเชื้อในช่องคลอดและกระเพาะปัสสาวะแล้วนั้น โพรไบโอติกยังมีส่วนช่วยในการรักษาสมดุลของระบบทางเดินอาหาร ช่วยในการย่อยอาหารให้สมบูรณ์ ป้องกันการติดเชื้อในทางเดินอาหารบางชนิด รวมถึงการรักษาความสมดุลของโพรไบโอติกที่เป็นจุลินทรีย์ดีในลำไส้ ที่มีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนัก ลดอาการเครียด ช่วยเพิ่มคุณภาพในการนอน และช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้เป็นอย่างดี นอกจากจะช่วยส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีแล้ว ยังช่วยสร้างความมั่นใจให้กับสาวๆ เสริมบุคลิกภาพได้ทุกสไตล์ “Be Your Best Every Day” กันทุกคน
ข้อมูลวิชาการโดย ผศ. นพ. พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ สูตินรีแพทย์
|