พัฒนาหลักสูตรด้วย Strong connection
“โดยหลักกฎข้อบังคับของกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องเกณฑ์มาตรฐานหลักสูตรระดับอุดมศึกษา มีข้อกำหนดให้คณะและสาขาวิชาของแต่ละมหาวิทยาลัยจะต้องมีพันธกิจในการปรับปรุงพัฒนาหลักสูตรทุก 5 ปี แต่ข้อได้เปรียบหนึ่งของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คือการทำงานเคียงคู่กับหอการค้าไทย ซึ่งมีสมาชิกที่ล้วนเป็นองค์กรเอกชนขนาดใหญ่ ไปจนถึงระดับ SMEs ซึ่งมีความใกล้ชิดและนำไปสู่การสื่อสารเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดอยู่เสมอ ทำให้ได้ไอเดียต่อยอดในการปรับแนวทางการเรียนการสอน อีกทั้งยังมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขางานที่ตอบโจทย์ร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้จากประสบการณ์การทำงานจริง ยกหนึ่งกรณีตัวอย่าง จากกระแสการลงทุนใน Cryptocurrency (คริปโทเคอร์เรนซี่) ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมแพร่หลายของเหล่านักลงทุนรุ่นใหม่ที่เล็งเห็นถึงโอกาสจากสินทรัพย์ดิจิทัล จึงนำไปสู่ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และ Bitkub ซึ่งได้วิทยากรทั้งผู้บริหารและบุคลากรซึ่งมีประสบการณ์การลงทุนในคริปโทจนเกิดความชำนาญ มาถ่ายทอดองค์ความรู้ คู่กับพาให้นักศึกษาได้ปฏิบัติ โดยลงทุนและเทรดจริง ตลอดจนการศึกษาดูงาน ที่ Bitkub M Social ที่ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ หรือการพัฒนาหลักสูตรสาขาวิชาการจัดการโลจิสติกส์ เรามีการสำรวจแนวทางการพัฒนานวัตกรรมในธุรกิจโลจิสติกส์ของไทย จนเกิดความร่วมมือกับ Flash Express ในการพัฒนาหลักสูตร และกิจกรรมร่วมกัน พร้อมการถ่ายทอดองค์ความรู้จากวิทยากรซึ่งเป็นบุคลากรเช่นกัน นอกจากนี้เรายังร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจค้าปลีก อาทิ CP All, CJ Express, CPN กล่าวโดยสรุปคือ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มีความสามารถในการพัฒนาหลักสูตรอย่างไม่เป็นทางการในระหว่างทางก่อนครบกำหนด 5 ปี เพราะเราสามารถเพิ่มกิจกรรมเพื่อพัฒนาทักษะและส่งเสริมการเรียนรู้ ได้ก่อนการพัฒนาปรับปรุงหลักสูตรในเชิงวิชาการ ด้วยเครือข่ายความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับภาคเอกชน ที่พร้อมสนับสนุนการสร้างบุคลากรเพื่อตลาดแรงงานและผู้ประกอบการที่ก้าวสู่การเป็นกำลังสำคัญสำหรับการขับเคลื่อนธุรกิจและเศรษฐกิจในโลกอนาคต อีกทั้งปีการศึกษานี้ ภารกิจสำคัญของเราคือการปรับหลักสูตรครั้งใหญ่ นั่นคือจำนวนหน่วยกิต จากหน่วยกิตบังคับเดิมอยู่ที่ 138 หน่วยกิต ให้เหลือเพียง 120 หน่วยกิตเท่านั้น เพื่อให้การเรียนการสอนเป็นไปอย่างกระชับและคล่องตัว และให้นักศึกษาสามารถทุ่มเทเวลาให้กับรายวิชาที่เน้นการปฏิบัติมากขึ้น”
สหกิจอาจารย์ เน้นสอนจากประสบการณ์มากกว่าตำเราเรียน
“ไม่เฉพาะแค่การพัฒนาผู้เรียนให้มีความเก่งและเชี่ยวชาญในภาคปฏิบัติ แต่มหาวิทยาลัยฯ ยังมี “สหกิจอาจารย์” ซึ่งเป็นนโยบายการส่งอาจารย์ผู้สอนที่ไม่มีภารกิจการสอนในช่วงภาคฤดูร้อน ไปฝึกปฏิบัติงานจริงกับองค์กรเอกชนซึ่งเป็นเครือข่ายสมาชิกหอการค้าไทย เพื่อสร้างความรู้ในทางปฏิบัติและประสบการณ์ที่เหนือไปกว่าความรู้จากวิชาการและงานวิจัย เพราะจุดอ่อนข้อหนึ่งของอาจารย์ผู้สอนซึ่งไม่เคยทำงานจริง คือการขาดประสบการณ์ที่จะสามารถถ่ายทอดแก่ผู้เรียนได้ ดังนั้นการเป็นอาจารย์ผู้สอน นอกจากจะเป็น “Instructor” แล้วต้องมีคุณสมบัติของการเป็น Practitioner คือการเป็นนักปฏิบัติด้วย จึงจะสามารถเป็น “เจ้าของประสบการณ์จริง” และ “พร้อมสอน” ตามความต้องการที่ผู้เรียนรุ่นใหม่ต่างมองหา มากกว่าความรู้ที่ปรากฏอยู่แค่ในตำราเรียน” คณบดีคณะบริหารธุรกิจ ม.หอการค้าไทย กล่าวทิ้งท้าย
จุดประกายพลังฝัน จากรุ่นพี่ถึง #เด็กหัวการค้าNextGen
นางสาวลิเลียน ไออันซอน ศิษย์เก่าคณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เล่าว่า “จากประสบการณ์ตลอด 4 ปี ในรั้ว ม.หอการค้าไทย สัมผัสได้ว่าหลักสูตรของมหาวิทยาลัยมีความทันสมัยอย่างมาก อาจารย์ทุกท่านที่สอนเรามาให้ความดูแลเอาใจใส่ พร้อมให้คำปรึกษาในทุกเรื่องการเรียนที่เราสงสัยได้ครบทุกมิติ ทั้งเรื่องวิชาการและการปฏิบัติในประเทศและต่างประเทศ มีความเปิดกว้างอย่างมากในเรื่องของไอเดียการทำกิจกรรมหรือโปรเจคต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเราในฐานะผู้เรียน ได้ประสบการณ์การทำงานในระหว่างเรียนจากการร่วมโปรเจคกับแบรนด์ผลิตภัณฑ์ที่มีจำหน่ายจริงในท้องตลาด ได้รับการโค้ชชิ่งจากผู้บริหารธุรกิจที่เป็นเจ้าของ “ประสบการณ์จริง” ทำให้เราสามารถนับหนึ่งประสบการณ์การทำงานได้ตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา หากจะต้องไกด์ไลน์น้อง ๆ รุ่นใหม่ที่กำลังตัดสินใจเลือกเส้นทางตามความฝัน ก็คงอยากแนะนำว่าถ้ารู้ตัวเองว่าชอบหรือใฝ่ฝันจะทำ หรือเรียนอะไร ขอให้ศึกษาหาข้อมูลในสิ่งที่เราต้องการอย่างเต็มที่ และลงมือทำอย่างไม่ต้องลังเล เหมือนอย่างที่มหาวิทยาลัยฯ บอกอยู่เสมอเรื่องการทำตามความฝัน จากแคมเปญ Follow Your Dream เพราะแค่เราได้ลงมือทำสิ่งที่รัก ความสำเร็จก็เริ่มต้นที่จุดนั้นค่ะ”
ด้าน นายกิตติเทพ โชติชูทิพย์ คณะบริหารธุรกิจ สาขาวิชาการจัดการธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในฐานะศิษย์ปัจจุบันจากสาขาวิชาการจัดการธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ เล่าว่า “ส่วนตัวผมได้รับทุนการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในการเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ทำให้ในขณะเดียวกัน ผมจึงมีประสบการณ์ด้านการทำงานจริงและได้สัมผัสกับธุรกิจค้าปลีก ตามแบบที่ผมตั้งใจ จากการได้ฝึกงานควบคู่ไปกับการเรียน แม้จะเป็นรูปแบบการเรียนที่หนัก แต่ก็คุ้มค่าในเรื่องของประสบการณ์ และทำให้เห็นถึงระบบการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยฯ ที่เอื้อต่อไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ไม่ว่าเราจะสะดวกแบบไหน เช่นทำงานไปพร้อม ๆ กับการเรียน ทางมหาวิทยาลัยฯ ก็ตอบโจทย์ข้อนี้ได้อย่างดีโดยที่เราสามารถทำสองสิ่งได้พร้อม ๆ กัน อยากฝากถึงน้อง ๆ ในรุ่นต่อไปในการตัดสินใจเลือกเรียนตามสิ่งที่ตั้งใจไว้ ตอบตัวเองให้ชัด หาสิ่งที่เราชอบให้เจอ แล้วศึกษาข้อมูลจากหลาย ๆ สถาบันถึงจุดเด่น จุดแข็ง เพราะแต่ละที่จะมีความโดดเด่นในแต่ละสาขาวิชาต่างกันออกไป เหมือนอย่างที่ผมเลือกเรียนคณะบริหารธุรกิจ ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เพราะเรามองจากศักยภาพและเครือข่ายธุรกิจของมหาวิทยาลัยฯ ในเรื่องของหลักสูตรด้านการบริหารธุรกิจ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของเราอย่างแท้จริง แค่การเริ่มต้นที่ดีความสำเร็จจะเริ่มค่อย ๆ ปรากฏชัดขึ้นครับ”
ปัจจุบัน คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดสอนระดับปริญญาตรี ได้แก่ สาขาวิชาการตลาด, สาขาวิชาการบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ, สาขาวิชาการเงิน, สาขาวิชาการจัดการ, สาขาวิชาการจัดการโลจิสติกส์, สาขาวิชาธุรกิจเกมส์และอีสปอร์ต, สาขาวิชาการประกอบการที่ขับเคลื่อนโดยนวัตกรรม, สาขาวิชาการจัดการธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ และมีโครงการพัฒนาหลักสูตรจากสาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ สู่ สาขาวิชาธุรกิจดิจิทัลและนวัตกรรม และหลักสูตรปริญญาโท อีกหลากหลายหลักสูตร |