‘ทีวี ไดเร็ค’ หรือ TVD เตรียมเดินตามยุทธศาตร์ Super Holdings Company สร้างการเติบโตยั่งยืน หลังที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติการเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บมจ.ทีวีดี โฮลดิ้งส์ (TVDH) รองรับการปรับโครงสร้างธุรกิจภายในและขยายการลงทุนใน 5 ธุรกิจใหม่ ด้านการเงิน การศึกษา อสังหาฯ เทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐาน และสุขภาพ พร้อมไฟเขียวให้อำนาจออกและเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นตามแบบมอบอำนาจทั่วไปไม่เกิน 513.46 ล้านหุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม และแต่งตั้ง 3 ขุนพล “อิทธิ ทองแตง - วรสิทธิ์ ลีลาบรูณพงศ์ - อรรคกิตต์ ไม้เกตุ” ดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทฯ อย่างเป็นทางการวันที่ 1 กรกฎาคม 2565
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD เปิดเผยว่า
การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2565 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM) เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา ได้มีมติอนุมัติการเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัทฯ ใหม่เป็น บริษัท ทีวีดี โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TVD Holdings PLC (TVDH) เพื่อให้เป็นไปตามแผนธุรกิจที่จะปรับโครงสร้างภายในและทรานส์ฟอร์มบริษัทฯ เป็น Super Holdings รองรับการขยายธุรกิจหลากหลายเพื่อรับมือดิสรัปชั่น ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจและนำบริษัทฯ กลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
ทั้งนี้จากผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติในหลักการปรับโครงสร้าง บริษัทฯ ได้เตรียม Spin Off ธุรกิจ B2C และจัดตั้งบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด หรือ TV Direct Co., Ltd. โดยมี บริษัท ทีวีดี โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
ถือหุ้น 100% ซึ่งได้วางแผนลงทุนตามยุทธศาสตร์ Super Holding Company ใน 5 กลุ่มธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีในการขับเคลื่อน ซึ่งเป็น Emerging Business Opportunity เพื่อต่อยอดกับธุรกิจในเครือของบริษัทฯ ประกอบด้วย ธุรกิจทางการเงิน (Financial) การศึกษา (Education) อสังหาริมทรัพย์ (Real Estate) เทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐาน (Technology Infrastructure) และธุรกิจเพื่อสุขภาพ (Health)
ขณะเดียวกัน เพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมายตามยุทธศาสตร์ Super Holdings Company สร้างการเติบโตยั่งยืนผู้ถือหุ้นได้มีมติอนุมัติการแต่งตั้ง นายอิทธิ ทองแตง นายวรสิทธิ์ ลีลาบรูณพงศ์ และนายอรรคกิตต์ ไม้เกตุ เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการของบริษัทฯ ตามที่เสนอและได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริษัทฯ ซึ่งทั้ง 3 ท่านเป็นบุคคล
ที่มีความรู้ความสามารถในแวดวงธุรกิจ สามารถนำประสบการณ์เข้ามาร่วมกำหนดทิศทางบริษัทฯ และให้ข้อเสนอแนะแก่ผู้บริหารได้เป็นอย่างดี โดยจะมีผลอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565
นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นยังมีมติอนุมัติออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ ตามแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) โดยเพิ่มทุนจำนวน 256,730,000.50 บาท คิดเป็นหุ้นสามัญจำนวนจำนวนไม่เกิน 513.46 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ไม่เกินร้อยละ 30 ของทุนชำระแล้วของบริษัทฯ จากทุนจดทะเบียนจำนวน 967,725,937.50 บาท (หุ้นสามัญจำนวน 1,935,451,875 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 1,224,455.938 บาท (หุ้นสามัญจำนวน 2,448,911,876 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิม ตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering หรือ RO) ในอัตราส่วน 1 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญที่ออกใหม่ จำนวนไม่เกิน 513.46 ล้านหุ้น โดยจะออกและเสนอขายครั้งเดียวเต็มจำนวนหรือแต่บางส่วนก็ได้ เพื่อนำเงินที่ได้ลงทุนขยายธุรกิจใหม่และเป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ
“หลังจากนี้จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนของบริษัทฯ จากการปรับโครงสร้างธุรกิจภายในและขยายธุรกิจใหม่ที่หลากหลายตามแผนยุทธศาสตร์ที่วางไว้ โดยมั่นใจว่าการภายใต้โครงสร้างธุรกิจใหม่ในรูปแบบซูเปอร์ โฮลดิ้ง คอมปานี จะทำให้บริษัทฯ มีความแข็งแกร่ง มีโครงสร้างรายได้ที่เปลี่ยนแปลงไปและสามารถสู้กับดิสรัปชั่นได้” นายทรงพล กล่าว
|