บมจ.เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล หรือ MMM หนึ่งในผู้นำด้านตัวแทนการขายอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้การให้บริการที่ปรึกษาด้านการขายและการตลาดแก่ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาฯ และซื้อขาย อสังหาฯ ยื่นไฟลิ่งขายไอพีโอ จำนวน 64.20 ล้านหุ้น เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมีบริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ด้าน CEO “ณิชา โรจน์วัฒนา”ระบุ การระดมทุนครั้งนี้สร้างโอกาสการเติบโต เพิ่มศักยภาพการแข่งขันใน 3 บิสซิเนสหลัก หวังรองรับการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต
นางสาวเดือนพรรณ ลีลาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัท เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MMM เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวน (Filing) ของ MMM เพื่อยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไป (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย MMM จะเสนอขายหุ้น IPO ทั้งหมดจำนวนไม่เกิน 64,200,000 หุ้น หรือคิดเป็น 21.40% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง
สำหรับหุ้นที่เสนอขายในครั้งนี้ ประกอบด้วย 1) หุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่เกิน 52,200,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 17.40% และ 2) หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย บริษัท ณัชชา โฮลดิ้ง จำกัด ไม่เกิน 12,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 4.00%ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้
ปัจจุบัน MMM ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยทุกประเภทให้กับเจ้าของโครงการ ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม ในเขตกรุงเทพมหานคร นนทบุรี ชลบุรี และระยอง รวมถึงการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดและการขายผ่านเครือข่ายนายหน้าอิสระ และการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย โดยซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่มีสภาพดีมาปรับปรุงก่อนนำออกจำหน่ายผ่านเครือข่ายนายหน้าอิสระ โดยธุรกิจของ MMM แบ่งออกเป็น 3 ประเภท
1. ที่ปรึกษางานขายโครงการ (BU1) เป็นตัวแทนขายเพื่อให้บริการแนะนำติดต่อผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ตลอดจนประสานงาน เพื่อให้เกิดการโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ระหว่างผู้ซื้อและเจ้าของโครงการจนกว่าแล้วเสร็จ
2. การบริหารงานขายโครงการ (BU2) เป็นตัวแทนขายและรับประกันการขายแต่เพียงผู้เดียวเพื่อให้บริการ แนะนำ ติดต่อผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย ตลอดจนประสานงาน เพื่อให้เกิดการโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ระหว่างผู้ซื้อและเจ้าของโครงการจนกว่าแล้วเสร็จ และ
3. การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ (BU3) เป็นการซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่มีสภาพดีนำมาปรับปรุงเพื่อจำหน่าย
นางสาวณิชา โรจน์วัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MMM เปิดเผยว่า ด้วยวิสัยทัศน์การเป็นผู้นำในด้านการเป็นที่ปรึกษาด้านการขายและการตลาดเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร และเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้การเป็น “เพื่อนคู่คิด นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์”สู่เป้าหมายการขยายการเติบโตทางธุรกิจ ผ่านการเพิ่มเครือข่ายนายหน้าอิสระเพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพื่อขยายฐานการเข้าถึงผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มยอดขาย รวมถึงการรักษามาตรฐานและคุณภาพในการให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าปัจจุบัน พร้อมกับการขยายการให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าใหม่ เพื่อการเติบโตของรายได้ในอนาคต
สำหรับการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อนำเงินที่ได้ไปใช้สำหรับการวางเงินประกันสัญญาในธุรกิจการให้บริการที่ปรึกษางานขายโครงการ (BU1) และการให้บริการบริหารงานขายโครงการ (BU2) รวมทั้งการใช้ในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในธุรกิจการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ (BU3) และส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ในการรองรับการขยายธุรกิจ
ด้วยศักยภาพความแข็งแกร่งการเป็นหนึ่งในผู้นำทางธุรกิจด้านตัวแทนการขายอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้การให้บริการที่ปรึกษาด้านการขายและการตลาดแก่ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาฯ และซื้อขายอสังหาฯสะท้อนถึงผลการดำเนินงานในปี 2564 - 2566 โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 105.18 ล้านบาท 168.08 ล้านบาท และ 255.66 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยในปี 2565 และ 2566 อยู่ที่ 59.80% และ 52.10% ตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิในปี 2564-2566 เท่ากับ 11.57 ล้านบาท 35.09 ล้านบาท และ 47.74 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 10.20% 20.62% และ 18.49% ตามลำดับ โดยล่าสุดงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการเท่ากับ 120.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.27 ล้านบาท (YoY) หรือเพิ่มขึ้น 14.51% และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 21.76 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 17.87%
“จากความโดดเด่นด้านประสบการณ์พร้อมทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในการวางแผนการตลาดที่สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้ครบทุกมิติส่งผลให้ปัจจุบัน ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 บริษัทฯ มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้สัญญาให้บริการและรอการขาย จำนวน 28 โครงการ รวม 970 ยูนิตการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ เชื่อว่าจะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและสร้างผลตอบแทนให้กับบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นในระยะยาว นอกจากนี้ ภาพลักษณ์ที่ดีจากการย้ายจากตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) จะช่วยเพิ่มโอกาสในการดำเนินธุรกิจและสามารถต่อยอดขยายโอกาสสู่การเติบโตในอนาคตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน”
|