SCB EIC ประเมิน Trump 2.0 ฉุดเศรษฐกิจไทยปี 2568 กดดันการค้า การผลิต และการลงทุน
dot dot
SCB EIC ประเมิน Trump 2.0 ฉุดเศรษฐกิจไทยปี 2568 กดดันการค้า การผลิต และการลงทุน

SCB EIC ประเมิน Trump 2.0 ฉุดเศรษฐกิจไทยปี 2568 กดดันการค้า การผลิต และการลงทุน

 
 

เศรษฐกิจโลกจะเริ่มเผชิญความท้าทายจากผลของนโยบาย Trump 2.0 ในปีหน้า อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ยังคงอยู่ที่ 2.7% ตามที่ประเมินไว้เดิม โดยจะเติบโตชะลอลงแบบ Soft landing ในช่วงที่เหลือของปี แต่เครื่องชี้เร็วเริ่มสะท้อนความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่เร่งตัวขึ้นมากหลัง Trump ชนะการเลือกตั้ง SCB EIC ประเมินว่า Trump จะมีอำนาจฝ่ายบริหารที่คล่องตัวขึ้น เนื่องจาก Republican sweep ทั้งสภาบนและล่าง ท่ามกลางระบบตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจสหรัฐฯ ที่อ่อนแอลงมาก อย่างไรก็ดี การกลับมาครั้งนี้ Trump จะต้องเผชิญบริบทโลกที่มีสภาพเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศท้าทายขึ้นกว่าสมัยแรก เช่น เงินเฟ้อและดอกเบี้ยสูงกว่า รวมถึงเกิดสงครามยูเครนและอิสราเอล ซึ่งอาจกระทบประสิทธิผลการดำเนินนโยบายชุดใหม่ของสหรัฐฯ ได้ SCB EIC จึงประเมินว่า Trump จะดำเนินนโยบายชุดใหม่อย่างมีกลยุทธ์ โดยเร่งดำเนินนโยบายในประเทศตามที่หาเสียงไว้ แต่อาจไม่ได้ทำนโยบายกีดกันการค้าแบบสุดโต่ง

SCB EIC ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2568 จะขยายตัวต่ำลงเหลือ 2.5% (เดิม 2.8%) จากผลกระทบนโยบาย Trump 2.0 เป็นหลัก โดยมองสมมติฐานนโยบาย Trump 2.0 ในกรณีฐานไว้ดังนี้ คือ 1) สหรัฐฯ จะขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจีนเฉลี่ย 20pp (percentage points) และสินค้าประเทศอื่นเฉลี่ย 10pp ขณะที่ประเทศอื่นจะตอบโต้สหรัฐฯ กลับในอัตราภาษีเท่ากัน ด้านยุโรปกับจีนจะขึ้นภาษีนำเข้าระหว่างกันเฉลี่ย 10pp ทั้งนี้การขึ้นอัตราภาษีนำเข้าจะแตกต่างกันระหว่างกลุ่มประเทศและประเภทสินค้า 2) สหรัฐฯ จะลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ผ่านการต่ออายุ Tax Cut and Job Act อีก 10 ปี (ถึงปี 2577) 3) สหรัฐฯ จะออกนโยบายควบคุมผู้อพยพ ซึ่งจะทำให้ยุโรปหันมาใช้นโยบายนี้ด้วย 4) ชุดนโยบายสำคัญ Trump 2.0 จะเริ่มกระทบเศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ถึงระยะปานกลาง 5) ประเทศต่าง ๆ จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อบรรเทาผลกระทบจาก Trump 2.0

SCB EIC ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้หลังตัวเลขไตรมาส 3 ออกมาดีกว่าที่เคยประเมินไว้ แต่นโยบาย Trump 2.0 จะกดดันการขยายตัวเศรษฐกิจไทยในปีหน้า SCB EIC ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2567 เป็น 2.7% (เดิม 2.5%) จากผลมาตรการแจกเงิน 10,000 บาทช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางตั้งแต่ปลายไตรมาส 3 รวมถึงการใช้จ่ายภาครัฐที่ขยายตัวสูงตามการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ และการส่งออกสินค้าที่ฟื้นตัวดีในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งจากอานิสงส์วัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้น รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวรัสเซียและอินเดีย จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้จึงมีโอกาสสูงกว่า 36 ล้านคนที่เคยประเมินไว้

อย่างไรก็ดี SCB EIC ปรับมุมมองเศรษฐกิจไทยปี 2568 ลดลงเหลือ 2.4% (เดิม 2.6%) จากผลกระทบนโยบาย Trump 2.0 ซึ่งแนวนโยบายจะเร่งให้เกิดปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และทำให้เกิดการกีดกันการค้าที่รุนแรงขึ้น ส่งผลกระทบผ่านการค้า การผลิต และการลงทุนเป็นหลัก โดยนโยบายกีดกันการค้าของ Trump 2.0 จะทำให้ไทยมีแนวโน้มนำเข้าสินค้าจีนและขาดดุลการค้ากับจีนมากขึ้น นอกจากนี้ ยังต้องจับตาประเด็น Unfair trade กับสหรัฐฯ เพราะไทยมีแนวโน้มเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากขึ้นต่อเนื่อง และอาจเข้าข่ายเกณฑ์ด้านอื่นอีกด้วย สำหรับการลงทุนภาคเอกชนไทยในระยะข้างหน้าจะมีความเสี่ยงด้านต่ำเพิ่มขึ้นจากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของ Trump 2.0 ซึ่งจะทำให้ธุรกิจที่ต้องการย้ายฐานการผลิตจากจีนชะลอแผนการลงทุนเพื่อรอความชัดเจนของนโยบาย Trump ที่อาจขยายนโยบายกีดกันการค้าไปกลุ่มประเทศอื่น ๆ ด้วย และอัตราภาษีนำเข้าที่จะเก็บเพิ่มยังมีความไม่แน่นอนสูง ทั้งนี้เศรษฐกิจไทยจะมีนโยบายการคลังที่คาดว่าจะทยอยออกมากระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยบรรเทาผลกระทบจาก Trump 2.0 ได้บางส่วนในปีหน้า

SCB EIC ประเมินว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมรอบ ธ.ค. นี้ ตามการสื่อสารของ กนง. ที่เน้นรักษา Policy space เพื่อบริหารความเสี่ยงของระบบเศรษฐกิจการเงินไทยในระยะข้างหน้า อย่างไรก็ดี SCB EIC ประเมินว่า กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% อีกครั้งในการประชุมรอบเดือน ก.พ. 2568 เพื่อผ่อนคลายภาวะการเงินเพิ่มเติม เนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมและสินเชื่อยังคงชะลอตัวและเริ่มสร้างความกังวลมากขึ้น รวมทั้งเศรษฐกิจไทยจะมีความเสี่ยงด้านลบเพิ่มขึ้นจากนโยบาย Trump 2.0 ขณะที่ภาวะการเงินโลกในปีหน้าจะผ่อนคลายลงจากปีนี้ได้บ้าง ตามทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลัก ซึ่งจะเอื้อต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย

เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าเร็วจากดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ โดยอาจอ่อนค่าไปอยู่ที่ราว 34.80-35.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงที่เหลือของปีนี้ หลังตลาดประเมินว่า Trump จะขึ้นภาษีนำเข้า และประเทศอื่น ๆ อาจตอบโต้กลับ ซึ่งจะทำให้ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นอีกราว 3-4% และกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าต่อ สำหรับปี 2568 เงินบาทอาจกลับมาแข็งค่าขึ้นจากภาวะ Risk-on ที่จะทำให้เงินทุนเคลื่อนย้ายไหลกลับเข้าตลาดเอเชียและไทย รวมถึงทิศทางการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยมองกรอบเงินบาทอยู่ที่ราว 33-34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี 2568  

โดย :     ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCB EIC)
        

 
 
 
 

 




หุ้น/การเงิน/ธนาคาร

ออมสิน สนับสนุนงานวิ่ง ANTI-CORRUPTION DAY RUN 2024
‘AIMIRT’ รายได้ค่าเช่าพุ่งทะลุ 260 ล้านบาท คว้าแชมป์ปันผลรวม 3 ไตรมาสสูงสุดในกลุ่มรีทอุตสาหกรรม
BAM รับรางวัลประกาศเกียรติคุณ Sustainability Disclosure Recognition ประจำปี 2567 จากสถาบันไทยพัฒน์
‘สิงห์ เอสเตท’ เตรียมออกหุ้นกู้ชุดใหม่ 2 ชุด อายุ 2 - 3 ปี ชูอัตราดอกเบี้ย [4.50 – 5.10]% ต่อปี มั่นใจจุดยืนการเป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาฯ ตลาด Luxury Segment ภายหลังเปิดเผยผลการดำเนินงานรอบเก้าเดือนแรก ปี 2567 ด้วยรายได้กว่าหมื่นล้านบาท
วัน แบงค็อก จับมือ 5 สถาบันการเงินชั้นนำ ลงนามสัญญาสินเชื่อสีเขียว มูลค่า 5 หมื่นล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์
ธุรกิจบริการอาหารโตต่อเนื่อง จากการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการกระตุ้นการบริโภค
ไทยพาณิชย์ กวาด 5 รางวัลผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมการเงินระดับสากล ตอกย้ำผู้นำดิจิทัลแบงก์ด้วยผลงานโดดเด่นต่อเนื่อง
รมว.คลัง ตรวจเยี่ยมโครงการ “ออมสินสารพัดซ่อม” จัดงบกว่า 10 ลบ. ช่วยฟื้นฟูหลังน้ำลด ระดมครู-นักศึกษาช่าง บริการซ่อมฟรี! มอเตอร์ไซค์ เครื่องใช้ครัวเรือน
‘สมาคมนักวางแผนการเงินไทย’ เปิดมุมมองตอบรับเทรนด์เทคโนโลยี AI กับการวางแผนการเงินในยุคดิจิทัล ในงาน ‘TFPA WEALTH MANAGEMENT FORUM 2024’ พร้อมเจาะลึกแนวโน้มและปัจจัยเสี่ยงอนาคต และการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัล และทรัพย์สินทางปัญญารูปแบบดิจิทัล
ไทยพาณิชย์ จับมือ โกดังไฟฟ้าดอทคอม และหัวเว่ย ส่งเสริมไลฟ์สไตล์ อยู่ อย่าง ยั่งยืน มอบโซลูชัน “โซลาร์รูฟท็อป” บน SCB EASY
กองทรัสต์ WHAIR เคาะราคา 6.40 บาทต่อหน่วย พร้อมชูยีลด์ สูงถึง 8.59%
ธนาคารออมสิน คว้ารางวัลชนะเลิศกองทุนสำรองเลี้ยงชีพดีเด่น 2 ปีซ้อน
BAM จัดงาน ESG DAY 2024 ย้ำจุดยืนองค์กรแห่งความยั่งยืน ภายใต้ชื่องาน “พลังแห่งสิทธิมนุษยชน สู่ความยั่งยืน” (The Power of Rights)
‘CPNREIT’ แกร่งเกินคาด! ทำผลงานไตรมาส 3/67 เติบโตเด่น กำไรจากการลงทุนสุทธิ 1,032 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% ประกาศการจ่ายเงินให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์ 0.2660 บาทต่อหน่วย รับยิลด์ 9%
กรุงศรี ออโต้ ชวนช้อปปิ้งสินค้ารักษ์โลกผ่าน ‘PromptBuy ศูนย์รวมสินค้ารักษ์โลก เพื่อไลฟ์สไตล์ที่ยั่งยืน’ กับโปรโมชันพิเศษส่งท้ายปี 67
ไทยพาณิชย์เดินหน้าปฏิบัติการ “เริ่ม เพื่อ รอด” พร้อมนำเอสเอ็มอีปรับตัวสู่เส้นทางความยั่งยืน
กองทรัสต์ WHAIR ขยายอาณาจักรลงทุนเพิ่ม ดันพอร์ตแตะ 1.4 หมื่นล. ชูยิลด์สูง 8.33% ตอกย้ำการลงทุนเขตพื้นที่ EEC นิคม WHA Group
King’s Stella Group คว้ารางวัล Krungsri ESG Awards 2024 ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้าน ESG พัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืน
ออมสิน เดินหน้าช่วยรายย่อย เปิดให้กู้สร้างงานสร้างอาชีพ ดอกเบี้ยต่ำ 0.75% ต่อเดือน ไม่ต้องมีหลักประกัน ตั้งเป้าสนับสนุนนโยบายรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดปัญหาหนี้นอกระบบ เริ่มลงทะเบียนทาง MyMo 22 พ.ย. นี้
ยูโอบี จับมือ มิตรผล ปล่อยสินเชื่อ 1.5 พันล. ผ่านโครงการ Sustainability-Linked Loan
ทีทีบี ชูพลัง Data และ AI ก้าวข้ามขีดจำกัด ตอบโจทย์ลูกค้าระดับเฉพาะบุคคล จับมือ databricks เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ เปิดมิติใหม่ให้คนไทยมีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น
“BAM” ทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ DIGITAL ENTERPRISE ตอกย้ำผู้นำ AMC ยุค 4.0 วางเป้าหมายยกระดับองค์กรสร้างโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน เตรียมส่ง “อิสระ เดอะซีรีส์” ชวนลูกหนี้ BAM ประนอมหนี้ – ดึงคนรุ่นใหม่ซื้อทรัพย์กับ BAM ลงสื่อโซเชียล
SAK สร้างประวัติการณ์ผลงาน 9 เดือน เติบโตเร็วทะลุเป้าหมายทั้งปี โชว์พอร์ตฯ สินเชื่อแตะ 14,317.2 ล้านบาท พุ่ง 17.7% กำไรสุทธิ 608.4 ล้านบาท โต 12.3% เปิดแผนโค้งสุดท้ายชูฐานทุนสนับสนุนสร้างรากฐานการเพาะปลูกของเกษตรกร
ออมสิน เดินหน้าช่วยรายย่อย เปิดให้กู้สร้างงานสร้างอาชีพ ดอกเบี้ยต่ำ 0.75% ต่อเดือน ไม่ต้องมีหลักประกัน ตั้งเป้าสนับสนุนนโยบายรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดปัญหาหนี้นอกระบบ เริ่มลงทะเบียนทาง MyMo 22 พ.ย. นี้
กองทรัสต์ WHAIR ขยายอาณาจักรลงทุนเพิ่ม ดันพอร์ตแตะ 1.4 หมื่นลบ. ชูยิลด์สูง 8.33% ตอกย้ำศักยภาพยุทธศาสตร์การลงทุนเขตพื้นที่ EEC ในนิคมฯ WHA Group
Trump 2.0 : ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและไทย





ช่องยูทูป INTV Thai


Copyright © 2016 inTV co.,Ltd. All Rights Reserved ติดต่อโฆษณา โทร.081-927-2471 และ 02-733-8791-3