ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจผันผวนทั่วโลก 2 ขั้วมหาอำนาจจีน - สหรัฐฯ งัดสงครามทางการค้าเด่นชัด...นักวางแผนการเงิน แนะทางออก 2 ตลาดทุนเสี่ยงควรงดลงทุน คือ ทองคำ และ พันธบัตรสหรัฐอเมริกา เพราะตลาดการเงินแกว่งไปแกว่งมา จากความอ่อนแอของค่าเงินดอลลาร์ ฐานะการขาดดุลของงบประมาณการคลังอเมริกามากจนเกิดความกังวล แนวคิดที่ดอลลาร์จะถูก De-dollarization กระบวนการลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีสูง..ชี้แนะ ตราสารหนี้ไทย สลากออมสิน ธอส. ธกส.เห็นควรลงทุน...ส่วนทิศทางตลาดหุ้น ควรติดตามผลการเจรจาภาษีจากทีมรัฐบาลไทย-สหรัฐฯ รวมถึงการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไทยอย่างใกล้ชิด เพราะตลาดหุ้นไทยยังคงมีเสน่ห์ เพียงแต่ให้ลงทุนแบบระวัง เห็นควรกระจายความเสี่ยงในเรื่องการลงทุนเป็นพิเศษ
คุณวิโรจน์ ตั้งเจริญ นายกสมาคมนักวางแผนการเงินไทย กล่าวถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหากมี Trade Tariff (ภาษีทางการค้า) ขึ้นมา และโลกแบ่งออกเป็น 2 ขั้วขึ้นมา นักลงทุนควรทำเช่นไร โดยเฉพาะการลงทุนในตลาดทองคำควรเป็นเช่นไร หากมองทิศทางการลงทุนในทองคำ ทองคำถือเป็น Safe Haven (คือการลงทุนที่คาดว่าจะรักษาเงินต้นหรือเพิ่มมูลค่าในช่วงเวลาที่สภาวะเศรษฐกิจเกิดการผันผวน และสามารถลดความเสี่ยงในกรณีที่กำลังเข้าสู่สภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ หรือความหมายสั้นๆ แปลว่า ที่หลบภัย) แต่ไม่ได้เป็นสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ โดยแบ่ง Safe Haven ออกเป็น 2 ตัว คือ ตัวแรกเป็นพันธบัตรสหรัฐอเมริกา เดิมตัวนี้เป็น Safe Haven ตัวหลัก แต่ปัจจุบันความอ่อนแอของค่าเงินดอลลาร์ ฐานะการขาดดุลของงบประมาณการคลังอเมริกามากจนเกิดความกังวล แนวคิดที่ดอลลาร์จะถูก De-dollarization (เป็นกระบวนการลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ใช้ในการค้าระหว่างประเทศ หรือใช้เป็น Reserve Currency) มีมากขึ้น จนทำให้ Safe Haven มันเกิดการขยับมาอยู่ที่ทองคำมากขึ้น
ทองคำ ไม่ได้เป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย แต่เป็นสินทรัพย์ที่มีความแกว่งสูง ขึ้นได้ ลงได้ แต่ตอนลงไม่มีเงินปันผล จะไม่เหมือนตราสารหนี้ เราลงทุนไปมีดอกเบี้ย ส่วน หุ้น เราเลือกหุ้นที่มีคุณภาพ สามารถจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ ตลาดหุ้นตกเรายังเงินปันผล ส่วน ทองคำ ไม่มีน่ะ
Safe Haven ที่ผมได้พูดถึง นั่นคือ เงินฝากธนาคาร เป็นเงินฝากดิจิทัล e-saving จะได้ดอกเบี้ยสูงกว่าการฝากออมทรัพย์ปกติ ไปดูเงินฝากพิเศษ ไปดูเงินฝากสหกรณ์ออมทรัพย์
ไปดูสลากออมสิน ธอส. ธกส.พวกนี้เงินจะไม่สูญ ส่วนตลาดตราสารหนี้เมืองไทย ปลอดภัยกว่าตลาดต่างประเทศ อาทิ พันธบัตรรัฐบาล คำว่าสินทรัพย์ปลอดภัยให้มาลงทุนในฟากฝั่งไทย เพราะว่าการแกว่งตัวของดอกเบี้ยเมืองไทยขึ้น ยิ่งทำให้มูลค่าการลงทุนของนักลงทุนลดลงในช่วงสั้น ขณะเดียวกันถ้าเรากระจายการลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ เราจะเจอความผันผวน 2 เรื่อง เรื่องแรกคือ ค่าเงิน ซึ่งมีความไม่แน่นอนสูง และตอนนี้กลายเป็นสงครามค่าเงินด้วยซ้ำ เรื่องที่ 2 คือ อัตราดอกเบี้ยของอเมริกาหวือหวามาก เพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ดอกเบี้ยมันมีการแกว่งตัว ผลตอบแทนในตราสารหนี้อเมริกาก็จะแกว่ง เพราะฉะนั้นหากต้องการให้สินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น ก็จะแนะนำมาลงทุนเงินฝากประเภทต่างๆ และนำมาเปรียบเทียบกับผลตอบแทนกับการลงทุนในตลาดเงิน และการลงทุนในตลาดตราสารหนี้ระยะสั้นถึงกลางๆ อันนี้ก็จะเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยสูง
ส่วนทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้น ในระดับราคาที่ต่ำกว่า 1,200 จุด หรือ 1,000 จุด ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจ แต่ถามว่าตลาดมันจะลงไปได้อีกมากน้อยแค่ไหน ถูกแล้วยังมีถูกอีกหรือเปล่า ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นทีมรัฐบาลไทยไปคุยกับสหรัฐอเมริกา และอาจต้องมีการเจรจากับจีนด้วยซ้ำไป เพราะจีนยังขุ่นเคืองกับเราอยู่ 2 ปัจจัยนี้จะเป็นตัวบ่งบอกตลาดหุ้นว่า มัน Bottom จริงรึเปล่า อีกเรื่องนึงต้องติดตามนโยบายรัฐบาลว่า มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไร ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มการปรับลดลง ก็จะเป็นตัวที่เสริมเรื่องการลงทุนในเมืองไทย อีก 2 เดือนข้างหน้าการลงทุนในตลาดหุ้นไทยว่า จะไม่ควร มันก็ยังมีเสน่ห์ มีมูลค่า เราควรใกล้ชิดติดตามข้อมูลให้ดี เพียงแต่ว่าไม่ลงทุนในเมืองไทย 100% อย่างเรามีเงิน 100 บาท เราต้องบริหารแบบกระจายความเสี่ยงออกไป
#สมาคมนักวางแผนการเงินไทย
|