
นายอัทสึชิ ทาเคทานิ ประธานเจโทร กรุงเทพฯ กล่าวถึงความคาดหวังต่อตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์ของญี่ปุ่นในประเทศไทยว่า “จากการที่ตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์ในประเทศไทยได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 เจโทรฯ จึงได้ริเริ่มโครงการยักษ์ใหญ่ 2 โครงการ ได้แก่ (1) “Japan Mall” โครงการจัดจำหน่ายสินค้าญี่ปุ่นผ่าน E-Commerce ในต่างประเทศ ที่ครั้งนี้ได้รวบรวมสินค้าความงามจากทั่วประเทศญี่ปุ่นกว่า 500 รายการ 70 แบรนด์ มาจำหน่ายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อให้สินค้าเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในกลุ่มผู้บริโภคชาวไทย
และ (2) “Good Goods Japan” งานเจรจาธุรกิจออนไลน์ในภูมิภาคอาเซียน ที่ครั้งนี้มีผู้ประกอบการจากญี่ปุ่น 42 รายและผู้ประกอบการไทย (ผู้จัดซื้อ) 70 รายเข้าร่วมเจรจาธุรกิจร่วมกัน จากการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของประเทศไทย ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคสูงขึ้น ผู้บริโภคเริ่มหันมาใส่ใจในสุขภาพและความงาม ส่งผลให้สินค้านำเข้าจากญี่ปุ่นได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น แต่ด้วยอุปสรรคด้านราคาสินค้าที่ยังคงสูงอยู่มาก เจโทรฯ จึงร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนให้สินค้าญี่ปุ่นได้รับการรู้จักอย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ผ่านทางการเจรจาธุรกิจออนไลน์และการจำหน่ายสินค้าผ่าน E-Commerce”

นายฐปนันท์ รัตนเนตร รองประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ลาซาด้า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมสินค้าประเภทเครื่องสำอางบำรุงผิวจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในเรื่องของคุณภาพสินค้าที่ครองใจกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยมาอย่างยาวนาน ในปัจจุบันตลาดสินค้ากลุ่มสุขภาพและความงามบนแพลตฟอร์มลาซาด้าเป็นกลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าชาวไทย ขายดีติด Top 3 มาโดยตลอด นอกจากนี้ลาซาด้ายังพร้อมช่วยเหลือผู้ประกอบการญี่ปุ่นด้วยการจัดอบรมการขายสินค้าออนไลน์ นำเสนอ solution ต่างๆ พร้อมจัดทีมงานผู้เชี่ยวชาญคอยให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการตลอด 24 ชั่วโมง”

นายชิเกคิ คาวาอุระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมริโตโม (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในฐานะผู้แทนจาก 3 บริษัทผู้นำเข้าและตัวแทนจัดจำหน่ายเครื่องสำอางสัญชาติญี่ปุ่นในประเทศไทย “เรามีความยินดีที่ได้เป็นหนึ่งในบริษัทพาร์ทเนอร์ของโครงการ Japan Mall นี้ พวกเรารู้สึกขอบคุณในมิตรภาพอันดีงามที่คนไทยมีให้มาโดยตลอด เราจึงมุ่งมั่นที่จะคัดสรรสินค้าญี่ปุ่นที่มีคุณภาพมานำเสนอต่อผู้บริโภคชาวไทย” นอกจากนี้ยังกล่าวถึงความร่วมมือกับผู้ให้บริการ E-Commerce อีก 2 รายว่า “จากความร่วมมือของผู้ให้บริการ E-Commerce รายใหญ่ทั้งสองราย กระผมมั่นใจว่าผู้บริโภคชาวไทยจะได้รู้จักสินค้าญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้นในวงกว้าง ได้มีโอกาสทดลองซื้อและทดลองใช้สินค้าญี่ปุ่นคุณภาพสูงในราคาที่เอื้อมถึงได้ มีโปรโมชั่นพิเศษมากมาย เริ่มต้นที่ 100 บาท บน Japan Mall อย่างแน่นอน”
“เจโทรฯ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้จัดโครงการ “Japan Mall” และ “Good Goods Japan” ขึ้นในประเทศไทย และหวังว่าโครงการนี้จะมีส่วนช่วยให้ตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์ที่ซบเซาจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 กลับมาคึกคักได้อีกครั้ง รวมถึงช่วยเสริมสร้างให้ความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างสองประเทศดำเนินต่อไปอย่างแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น”