TOP10'ประกันชีวิต'แข่งปั๊มเบี้ยใหม่
'เมืองไทยฯ'รั้งจ่าฝูงเบียดขึ้นนำคู่แข่ง
10 อันดับ TOP10 ค่ายประกันชีวิตไทยแข่งปั๊มเบี้ยประกันรายใหม่ ดุเด็ดเผ็ดร้อน เผยตัวเลขช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา “เมืองไทยประกันชีวิต” รั้งจ่าฝูงด้วยเบี้ยใหม่ 2.2 หมื่นล้าน. ตามติดมาด้วย "เอไอเอ" - "ไทยประกันชีวิต" - "กรุงไทย-แอกซ่า" และ "กรุงเทพประกันชีวิต" ขณะที่อัตราการเติบโตสูงสุด “อาคเนย์ประกันชีวิต” ยึดตำแหน่งผู้นำทิ้งห่างคู่แข่ง "พรูเด็นเชียลฯ" & "เอฟดับบลิวดี" ลิบลับ คาดโค้งสุดท้ายปีนี้ แต่ละค่ายต่างอัดแคมเปญช่วงเทศกาลลดหย่อนภาษี หนุนเบี้ยดีดตัวเติบโตเพิ่มขึ้น
นายพิชา สิริโยธิน ผู้อำนวยการบริหารสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า เบี้ยประกันชีวิตรับรวมตั้งแต่เดือนมกราคม -สิงหาคม 2560 มีจำนวน 389,738 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยแยกเป็นเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่ 108,034 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยเบี้ยประกันชีวิตรับปีแรกจำนวน 65,798ล้านบาท และเบี้ยประกันชีวิตรับจ่ายครั้งเดียว (ซิงเกิล พรีเมี่ยม) จำนวน 42,236 ล้านบาท ขณะที่เบี้ยประกันชีวิตรับปีต่อไป 281,703 ล้านบาท มีอัตราความคงอยู่ที่ 84%
อย่างไรก็ตาม ในการพิจารณาข้อมูลสถิติของ ธุรกิจประกันชีวิต สามารถพิจารณาแยกเป็น 2 กรณีดังนี้ 1. พิจารณาจากขนาดของบริษัท หรือ การขยายงานจากสถิติเบี้ยประกันชีวิตรับรวม และพิจารณาจากผลงานสถิติเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่ในปี 2560 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 31 สิงหาคม 2560
โดยบริษัทประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันชีวิตรับรวมสูงสุด10 อันดับแรก ได้แก่ อันดับที่ 1. เอไอเอ ประเทศไทย จำนวน 78,306 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 20.1% อันดับที่ 2. บมจ.เมืองไทยประกันชีวิตจำนวน 70,149 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 18% อันดับที่ 3. บมจ.ไทยประกันชีวิต จำนวน 52,686 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด13.5% อันดับที่ 4. บมจ.กรุงไทย-แอกซ่าประกันชีวิต จำนวน 40,382 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด10.4% ขณะอันดับที่ 5. บมจ.ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำนวน 35,108 ล้านบาท ลดลง 7% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 9%
ส่วนอันดับที่ 6 บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต จำนวน 29,305 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 7.5% อันดับที่ 7. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำนวน 20,291 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 5.2% อันดับที่ 8. เอฟดับบลิวดีประกันชีวิต จำนวน 13,996 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 3.6% อันดับที่ 9. บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต จำนวน13,158ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 3.4% และอันดับที่ 10. บมจ.อาคเนย์ประกันชีวิต จำนวน 6,922 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด1.8% และอีก 14 บริษัทครองสัดส่วนการตลาดเพียง 7.5%
อย่างไรก็ตาม จากรายงานตัวเลขของสมาคมประกันชีวิตไทย พบว่า 10 อันดับบริษัทประกันชีวิตในไทย แต่ละปีจะแข่งขันผลิตผลงานเบี้ยประกันรายใหม่กันอย่างดุเด็ดเผ็ดร้อน ซึ่งในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค - ส.ค.60) เป็นที่น่าสังเกตว่าค่ายเมืองไทยประกันชีวิต สามารถขึ้นมายืนรั้งเป็นผู้นำด้วยการสร้างเบี้ยประกันรับรายใหม่จำนวน 22,177 ล้านบาท หรือลดลง 0.66% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ในขณะที่ เอไอเอ ประเทศไทย หล่นไปอยู่ในอันดับที่ 2 ด้วยเบี้ยประกันรับรายใหม่จำนวน 16,691 ล้านบาท แต่กลับเติบโตเพิ่มขึ้น 6.64% ด้าน บมจ.ไทยประกันชีวิต สามารถสร้างเบี้ยประกันรับรายใหม่จำนวน 14,366 ล้านบาท หรือลดลง 2.04% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
ส่วน บมจ.กรุงไทย-แอกซ่าประกันชีวิต มีเบี้ยประกันรับรายใหม่จำนวน 11,032 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.99% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และ บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต มีเบี้ยประกันรับรายใหม่จำนวน 6,871 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.71% ฟากทางด้าน บมจ.ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต มีเบี้ยประกันรับรายใหม่จำนวน 5,672 ล้านบาท ลดลง 38.22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และ บมจ.พรูเด็นเชียลประกันชีวิต มีเบี้ยประกันรับรายใหม่จำนวน 5,483 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.45% และ บมจ.เอฟดับบลิวดีประกันชีวิต มีเบี้ยประกันรับรายใหม่จำนวน 5,017 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนขณะที่ บมจ.อาคเนย์ประกันชีวิต มีเบี้ยประกันรับรายใหม่จำนวน 4,437 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79.29% และ บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต มีเบี้ยประกันรับรายใหม่จำนวน 3,843 ล้านบาท ลดลง 38.22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
“ทั้งนี้ หากพิจารณาอันดับอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันรับรายใหม่ช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาของปี 2560 พบว่า ค่ายบริษัทขนาดเล็กอย่าง บมจ.อาคเนย์ประกันชีวิต นำโด่งรั้งผู้นำด้วยอัตราการเติบโตสูงถึง 79.29% ตามมาด้วย บมจ.พรูเด็นเชียลประกันชีวิต มีอัตราการเติบโต 11.45% อันดับที่ 3 บมจ.เอฟดับบลิวดีประกันชีวิตมีอัตราการเติบโต 11.21% อันดับที่ 4 บมจ.กรุงไทย-แอกซ่าประกันชีวิต มีอัตราการเติบโต 7.99% อันดับที่ 5 เอไอเอ ประเทศไทย มีอัตราการเติบโต 6.64% และอันดับที่ 6 บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต มีอัตราการเติบโต 4.71%
ส่วนอับดับที่ 7- 10 สร้างผลงานการติดลบร่วงลงมา โดยอันดับที่ 7 บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต มีอัตราการเติบโตลดลง 0.66% อันดับที่ 8 บมจ.ไทยประกันชีวิต มีอัตราการเติบโตลดลง 2.04% อันดับที่ 9 บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต มีอัตราการเติบโตลดลง 14.64% และอันดับที่ 10 บมจ.ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต มีอัตราการเติบโตลดลงกว่า 38.22%”
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2560 เป็นช่วงที่ผู้มีเงินได้ที่เข้าเกณฑ์ต้องเสียภาษี เริ่มวางแผนทางการเงินเพื่อหักลดหย่อนภาษี ซึ่งตามหลักเกณฑ์ของภาครัฐการซื้อประกันชีวิต ถือเป็นหนึ่งในช่องทางที่ทำให้ผู้เสียภาษีมีสิทธิได้รับการหักลดหย่อนภาษี รวมทั้งสร้างความมั่นคงให้แก่ตนเองและครอบครัวได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นเชื่อว่าแต่ละค่ายประกันชีวิตจะออกแคมเปญมาสู้กันอย่างคึกคัก ไมว่าจะเป็นสิทธิการหักลดหย่อนภาษีจากเบี้ยประกันสุขภาพในปีนี้ เนื่องจากรัฐบาลมีมติเห็นชอบมาตรการภาษี เพื่อส่งเสริมการประกันสุขภาพ ในวงเงินไม่เกิน 15,000 บาท หรือเมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตแล้วได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี
ทั้งนี้ คาดว่าภาคธุรกิจประกันชีวิตจะมีอัตราการเติบโตของเบี้ยประกันภัยเพิ่มสูงขึ้น จากการที่ประชาชนตื่นตัวในเรื่องการวางแผนสุขภาพ และเกิดแรงจูงใจในการซื้อสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพเพิ่มขึ้นจากมาตรการภาษีดังกล่าว เพราะฉะนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทประกันชีวิตที่จะงัดกลยุทธ์ช่วงชิงเบี้ยประกัน และส่วนแบ่งตลาดว่า จะทำผลงานได้ดีขนาดไหน สิ้นปีจะรุ่งหรือจะร่วงต้องติดตามกันต่อไป