บิ๊กค้าปลีกลุยอัดงบ5.7หมื่นล้าน.
ลุยเปิดศูนย์การค้าแห่งใหม่ต่อเนื่อง
"สมาคมศูนย์การค้า" ประเมินงบลงทุนสมาชิก ปี 2560 - 2562 ทุ่มงบรวมกว่า 57,000 ล้าน.ผุดโปรเจ็กต์ยักษ์ใหม่ & รีโนเวตใหญ่โครงการเดิม รองรับแผนดันไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว และช้อปปิ้งในภูมิภาค ผ่านด้วย 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1. ใช้ผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง 2. เน้นทำการตลาดแบบผสมผสานทุกช่องทาง 3. สร้างพันธมิตร เปลี่ยนคู่แข่งให้กลายเป็นคู่ค้า ชี้! เป็นแผนที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเมกะโปรเจ็กต์ภาครัฐทั้งโครงการมอเตอร์เวย์ รถไฟรางคู่ และรถไฟความเร็วสูงในจังหวัดหลัก
นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ นายกสมาคมศูนย์การค้าไทย เปิดเผยว่า แผนการลงทุนของสมาชิกสมาคมฯ ที่มี 13 ราย มีแผนลงทุนช่วงจากนี้ถึงปี 2562 (ปี 2560 - 2562) รวมกันไม่ต่ำกว่า 57,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาศูนย์การค้าทั้งโครงการใหม่ และการปรับปรุงโครงการเดิม เพื่อรองรับการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการช้อปปิ้งและการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ เพื่อดึงนักท่องเที่ยวต่างประเทศและนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาในไทยมากขึ้น
ทั้งนี้ คาดว่าภายในปี 2562 พื้นที่ศูนย์การค้าทั้งหมดในประเทศไทยจะมีพื้นที่รวมประมาณ 20.9 ล้านตารางเมตร เติบโตในแง่พื้นที่ 10% นับจากปีนี้ และมีจำนวนศูนย์การค้าของสมาชิกสมาคมฯเพิ่มขึ้นเป็น 107 แห่ง มีพื้นที่รวมของสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 9.1 ล้านตารางเมตร
โดยการลงทุนหลัก ๆ ของสมาชิกมีหลากหลาย ทั้งในกรุงเทพฯ เช่น โครงการเซ็นทรัล พลาซ่า มหาชัย เปิด 23 พฤศจิกายน 2560, โครงการไอคอนสยาม เปิดบริการกลางปี 2561, เดอะ มาร์เก็ต แบงคอก เปิดบริการปลายปี 2561 ขณะที่โครงการในเมืองท่องเที่ยว เช่น เซ็นทรัลพลาซา โคราช เปิดบริการ 3 พฤศจิกายนนี้, เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า เปิดบริการ ภายในปี 2561 และ โครงการเทอร์มินัล 21 พัทยา
ขณะที โครงการที่มีการรีโนเวตใหญ่ เช่น โครงการเซ็นทรัล เวิลด์ และเซ็นทรัล พลาซา พระราม 3, โครงการปรับปรุงและขยายพื้นที่ของ ซีคอน สแควร์ ศรีนครินทร์, โครงการปรับปรุงและขยายพื้นที่ของบริษัท สยาม ฟิวเจอร์ ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) คือ เมกา บางนา เฟส 2 มาร์เก็ตเพลส ทุ่งมหาเมฆ และเอสพลานาด รัชดาภิเษก เป็นต้น
นอกจากนั้น โครงการ อีอีซี ของภาครัฐ ก็ถือเป็นโครงการที่ดีที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยรวมของประเทศได้เป็นอย่างดี ซึ่งในส่วนของธุรกิจค้าปลีกและศูนย์การค้า ก็มีหลายโครงการของสมาชิกที่พัฒนาขึ้นมาในพื้นที่ภาคตะวันออก เช่น ชลบุรี พัทยา ระยอง เป็นต้น ที่จะรองรับอีอีซีได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น เทอร์มินัล 21 พัทยา เซ็นทรัลมารีน่า เปิดแล้วปี 2559 และเซ็นทรัล พลาซ่า ระยอง รวมไปถึงโครงการในกรุงเทพฯ โซนตะวันออก ที่จะมีความเกี่ยวเนื่องจากโครงการอีอีซีด้วยเช่นกัน ที่มีแผนจะพัฒนาเพื่อรองรับความเจริญดังกล่าว เช่น เมกาซิตี้เฟสขยายใหม่, ซีคอนซิตี้, แบงคอกมอลล์ และเซ็นทรัล บางนา ที่รีโนเวตใหญ่แล้ว
“กลุ่มสมาชิกยังพร้อมร่วมพัฒนาประเทศ ด้วยการสนับสนุนภาครัฐ โดยการร่วมกันลงทุนในจังหวัดต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเมกะโปรเจ็กต์ของภาครัฐ ทั้งโครงการมอเตอร์เวย์ รถไฟรางคู่ และรถไฟความเร็วสูงในจังหวัดหลัก อาทิ โครงการก่อสร้างระบบคมนาคมสู่จังหวัดนครราชสีมาของภาครัฐ เพื่อชูโคราชเป็นเมืองศูนย์กลางของภาคอีสาน ทางสมาชิกจึงได้ลงทุนพัฒนาศูนย์การค้าต่าง ๆ ได้แก่ การเปิดตัวของโครงการ เซ็นทรัล พลาซา โคราช, Terminal 21 โคราช และ การขยายพื้นที่เพิ่มเติมของ เดอะมอลล์ โคราช ที่จะช่วยเสริมการเป็นเมือง gateway ของอีสานให้โคราช ซึ่งการลงทุนของทั้ง 3 โครงการในโคราช จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัด สร้างงาน สร้างอาชีพ ช่วยดึงคนกลับสู่ท้องถิ่น อีกทั้งช่วยดัน SMEs ท้องถิ่นให้เกิดรายได้อีกด้วย”
ปัจจุบันสมาชิกสมาคมฯ มีจำนวนศูนย์การค้าทั้งหมด 97 แห่ง มีพื้นที่ค้าปลีก หรือ จีเอฟเอ/GFA ของสมาคมฯรวมกันมากกว่า 8 ล้านตารางเมตร หรือคิดเป็น 42% ของพื้นที่ศูนย์การค้าทั้งประเทศ ที่มีมากกว่า 19 ล้านตารางเมตร มีการจ้างงานรวมกว่า 420,000 อัตรา ทั้งในส่วนของการก่อสร้าง ร้านค้า พนักงาน แม่บ้าน รปภ. และอื่น ๆ โดยปี 2560 นี้สมาคมฯ ตั้งเป้าหมายว่า ธุรกิจศูนย์การค้าจะเติบโตในภาพรวมประมาณ 4 - 5% ซึ่งจะตั้งเป้าโตมากกว่า 1% ของจีดีพีประเทศไทย ซึ่งเมื่อปีที่แล้ว (2559) ตั้งเป้าหมายภาคค้าปลีกเติบโตประมาณ 4 - 4.5% ซึ่งก็มากกว่าจีดีพีประเทศไทยที่ปีที่แล้วเติบโต 3.2%
นางสาววัลยา กล่าวต่อว่า ภาคธุรกิจค้าปลีกและศูนย์การค้า ถือเป็นภาคที่ทำรายได้ให้กับประเทศไทยสูงมาก หรือมีสัดส่วนเป็นอันดับที่สอง ประมาณ 15% รองจากภาคอุตสาหกรรมที่สูงที่สุด
นโยบายของสมาคมศูนย์การค้าไทย ในปี 2560 นี้ จะร่วมกันพลิกโฉมธุรกิจค้าปลีกสู่ยุคของการเป็น Shopping Center 4.0 เพื่อตอบรับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนไปโดยมีทิศทางดำเนินการบน 3 กลยุทธ์ ได้แก่ 1) Customer - Centric ผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง 2) Omni channel เน้นทำการตลาดแบบผสมผสานทุกช่องทาง 3) Build partnership สร้างพันธมิตร เปลี่ยนคู่แข่งให้กลายเป็นคู่ค้า
สมาคมฯ มีผู้ประกอบการธุรกิจศูนย์การค้าที่เป็นสมาชิกทั้งหมด 13 ราย ประกอบด้วย บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน), บริษัท ซีคอน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด, บริษัท เอ็มบีเค จำกัด (มหาชน), บริษัท รังสิตพลาซ่า จำกัด, บริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท แอล เอช มอลล์ โฮเทล จำกัด, บริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด, บริษัท เค.อี.แลนด์ จำกัด, บริษัท เดอะมอลล์กรุ๊ป จำกัด, บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด, บริษัท แปซิฟิคพาร์ค ศรีราชา จำกัด และ บริษัท บุญถาวรเซรามิค จำกัด