“พันธุ์บุรีรัมย์” จารึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ “กัญชาไทย”
ไทย-เทศ หลั่งไหลร่วมงานกว่า 1.5 แสนคน ยอดผู้มายื่นขอครอบครองพุ่งถึงหมื่นราย |
|
มหกรรมกัญชาเพื่อการแพทย์ครั้งแรกในประเทศไทย จบลงไปอย่างยิ่งใหญ่ ผลตอบรับดีเยี่ยมทั้งภาควิชาการและภาคความบันเทิง ตลอด 3 วัน ประชาชนหลั่งไหลเข้าชมนิทรรศการ ฟังสัมมนาวิชาการคับคั่ง เต็มทุกพื้นที่การจัดงาน ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ ด้วยจำนวนผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 150,000 คน เงินสะพัดในจังหวัดบุรีรัมย์นับสิบล้านบาท ในขณะที่มีผู้ผ่านเกณฑ์การขอจดครอบครองกัญชา จำนวน 4,397 ราย จากทั้งหมดของจำนวนผู้มาขอยื่นครอบครองกว่าหมื่นราย
|
|
การจัดงาน “พันธุ์บุรีรัมย์” ที่เกิดขึ้นโดยความร่วมมือจากทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน ในจังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 19-21 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ. บุรีรัมย์ จึงเป็นเหมือนการนำร่อง เพื่อให้ทุกฝ่ายได้มองเห็นและเข้าใจกัญชามากขึ้น ภายในงานมีทั้งบุคลากรทางการแพทย์ นักวิชาการ นักกฎหมายรวมทั้งผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศ มาร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้ในการนำกัญชาไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยและประชาชนทั่วไปได้รับรู้ข้อมูลข่าวสาร และกระบวนการวิธีการสกัดกัญชาให้เป็นยามาใช้เพื่อรักษาโรค ทั้งจากส่วนที่เป็นงานสัมมนาวิชาการ การจัดแสดงนิทรรศการความรู้ รวมทั้งการพบปะพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากผู้ป่วยที่เคยป่วยและใช้กัญชาเพื่อช่วยรักษาโรคได้จริง พร้อมเปิดพื้นที่สำหรับการขึ้นทะเบียนในการจดแจ้งครอบครองกัญชา สำหรับผู้ป่วยที่มีใบรับรองแพทย์และลงทะเบียนผู้ป่วยโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
|
|
นายธีรวัฒน์ วุฒิคุณ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ในฐานะประธานในการจัดงานครั้งนี้ ให้ข้อมูลว่า นอกจากการความสำเร็จที่สามารถสร้างการรับรู้ไปสู่สาธารณชนในวงกว้างได้แล้ว งานในครั้งนี้ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับบุรีรัมย์ได้อีกทางหนึ่ง จากตัวเลขนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติที่เข้ามา ภายในงานตลอดทั้ง 3 วัน ที่มีกว่า 1.5 แสนคน ทำให้ธุรกิจโรงแรมและที่พักใน จ. บุรีรัมย์มีความคึกคัก มียอดการจองเข้าพักเต็มทั้งหมด โดยคาดว่าช่วยสร้างให้มีเม็ดเงินสะพัดในพื้นที่หลายสิบล้านตลอดช่วงเวลาที่มีการจัดงาน ขณะที่มีจำนวนผู้มายื่นขอครอบครองกัญชา ยอดทะลุถึงหมื่นราย ในขณะที่มีผู้ผ่านเกณฑ์การยื่นขอจดครอบครองกัญชา จำนวน 4,397 ราย
|
|
ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ยังกล่าวขอบคุณทุกภาคส่วน ทั้งราชการ เอกชน องค์กรต่าง ๆ และ ประชาชน ที่ช่วยกันจัดงานพันธุ์บุรีรัมย์ จนสำเร็จเสร็จสิ้นด้วยดี เป็นการเปิดโลกทัศน์ทางด้านวิชาการและวงการแพทย์ ที่ทำให้คนได้รู้จักคุณประโยชน์ของพืชกัญชาต่อการรักษาโรคต่าง ๆ มากขึ้น รวมทั้งทำให้จังหวัดบุรีรัมย์เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากเรื่องของด้านการกีฬาและการท่องเที่ยว เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดได้ดีอีกทางหนึ่งในแง่ โรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยว โดยรายได้ที่หักค่าใช้จ่ายจากการจัดงาน จะถูกนำเข้ากองทุนพันธุ์บุรีรัมย์ เพื่อสนับสนุนการวิจัยและต่อยอดสำหรับการนำกัญชามาใช้เพื่อการแพทย์ต่อไป
|
|
ด้าน นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด เจ้าของสถานที่ในการจัดงาน และยังเป็นหนึ่งในหัวหอกสำคัญที่ร่วมรณรงค์และต่อสู้ เพื่อให้กัญชาถูกกฎหมาย กล่าวว่า ตลอดงานพันธุ์บุรีรัมย์ 3 วัน มีผู้ป่วย ผู้สนใจศึกษา และผู้สนับสนุนแนวคิดการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ มาร่วมกิจกรรมพันธุ์บุรีรัมย์เป็นจำนวนมาก อีกด้านหนึ่งของสังคม มีการตั้งคำถามมากมายเช่นว่า การจัดงานครั้งนี้ มีเจตนาซ่อนเร้นหรือไม่ ทั้งธุรกิจ มีใครจะได้ประโยชน์บ้าง หากประชาชนเข้าถึงกัญชาเพื่อการแพทย์ ได้ด้วยตนเองอย่างถูกกฎหมาย และการเมือง โดยเฉพาะประเด็น กัญชา ดีกว่า บัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรค |
|
“ก่อนความเข้าใจไม่ถูกต้อง เนื่องจากคิดไปเอง หรือ การตีความผิด และการใช้ข้อความอันจำกัดในการสื่อสาร จะถูกขยายผลไปมากกว่านี้ ผมขอชี้แจงว่า แนวคิดสนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ เพื่อรักษาอาการป่วยของตนเองได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และไม่มีการผูกขาด มีเป้าหมายที่ประโยชน์ของประชาชน เป็นหลัก คือ 1. ลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ป่วย ครอบครัว และ โรงพยาบาลของรัฐบาล 2. ลดภาระงบประมาณของบัตรทอง 30 บาท 3. สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร ที่จะร่วมโครงการปลูกกัญชา เพื่อเป็นวัตถุดิบผลิตยารักษาโรค ทั้งแพทย์แผนไทย และ แผนปัจจุบัน ตามเงื่อนไขกฎหมายกำหนด กัญชาเพื่อการแพทย์ ในทัศนะของผม จึงเป็นทั้งยาแก้อาการของโรคที่เป็น และ เป็นยาแก้จน ได้ด้วย”
|
|
หากการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ของภาคประชาชน ถูกต้องตามกฎหมาย หรือ มีการออกกฎหมายมารองรับให้ทำได้ อย่างมีคุณภาพ และควบคุมมาตรฐาน ได้ จะช่วยลดภาระรัฐบาล ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุขของประเทศที่เกิดขึ้นแน่ๆ คือ ลดค่าใช้จ่ายบุคลากรทางการแพทย์ ลดปริมาณงาน และ ลดค่ายารักษาโรค ในส่วนของประชาชน จะลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ป่วย และครอบครัวผู้ป่วยที่ต้องเดินทางไปรับยาที่โรงพยาบาล ได้บ้างบางส่วนการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ ของภาคประชาชน ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย จะเป็นประโยชน์ทั้งกับรัฐ และ ประชาชน และขอย้ำว่าจะเป็นการสร้างเสริมคุณภาพการให้บริการแก่ผู้ใช้บัตรทอง 30 บาท ได้อีกทางหนึ่งด้วย เมื่อจำนวนผู้ป่วยไปโรงพยาบาลน้อยลง
|
|
“ขอความกรุณาอย่าแปรเจตนา หรือตีความหมาย จับประเด็นคำพูดผมไปขยายผลให้คลาดเคลื่อนไปจากนี้ผมผ่านเรื่องหนักๆ กว่านี้มาเยอะ ไม่หวั่นไหว ไม่เสียกำลังใจง่ายๆ แต่เจ้าหน้าที่ทุกคน ที่เสียสละเวลาวันหยุดมาช่วยกันทำงาน ดูแลผู้ป่วยตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ทั้ง 3 วันที่ผ่านมา แทบไม่ได้หยุดพัก บางท่านอาจจะหวั่นไหว และเสียกำลังใจได้ ผมขอทำความเข้าใจอีกครั้งว่า การจัดกิจกรรมพันธุ์บุรีรัมย์ ไม่ต้องการแข่งขันกับใคร เปรียบเทียบกับใคร เอาชนะใคร หรือ แสวงหาประโยชน์ใดๆ และไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง นอกจากผู้ป่วย และ ความยากจนของคนไทย ที่เห็นโอกาสจากกัญชาเพื่อการแพทย์”
|
|
นายเนวินกล่าวทิ้งท้ายว่า “ ผมเชื่อว่า คนพันธุ์บุรีรัมย์ มีความเข้มแข็ง และมีหัวใจเพื่อผู้อื่น เพื่อส่วนรวม และจะไม่มีอะไรมาทำให้เรา คนตัวเล็ก แต่มีหัวใจยิ่งใหญ่ เสียความตั้งใจได้ แม้ว่าอาจจะเสียกำลังใจไปบ้างจากคนที่ไม่เข้าใจการทำงานของพวกเรา ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นการทำงานเพื่อผู้ป่วย เพื่อส่วนรวม ในหลายวันที่ผ่านมา จะเป็นต้นทางสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ ที่จะเป็นประโยชน์แก่ประเทศไทย และคนไทย ในอนาคตอันใกล้นี้ ผมจะเดินหน้าต่อไปให้ถึงเป้าหมาย ใครจะร่วมด้วยช่วยกัญ ก็เดินไปด้วยกัน
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|