6 เคล็ดลับเลือก “เครื่องฟอกอากาศ” ให้ตรงใจ
1. คำนึงถึงประสิทธิภาพการกรอง ควรเลือกใช้แผ่นกรองที่มีประสิทธิภาพสูง ที่ระบุว่าสามารถดักจับอนุภาคในอากาศได้เล็กกว่า 0.3 ไมครอน หรือแผ่นกรองแบบเส้นใยไฟฟ้าสถิตที่ใช้หลักการกรองแบบเดียวกับแม่เหล็กดูดฝุ่น ควรหลีกเลี่ยงแผ่นกรองที่ทำให้เกิดประจุไฟฟ้าที่ปล่อยก๊าซโอโซนออกมา เพราะบางครั้งอาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ
2. เลือกเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะสมกับขนาดพื้นที่ เพราะเครื่องฟอกอากาศแต่ละรุ่นมีประสิทธิภาพในการทำงานครอบคลุมพื้นที่ที่แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนจะเลือกซื้อ ควรทราบขนาดของห้องที่ใช้งาน โดยแนะนำให้เลือกสเปคที่รองรับพื้นที่มากกว่าขนาดห้องจริงได้ แต่ก็ไม่ควรมากเกินไปเพราะจะทำให้เปลืองไฟ แต่ไม่ควรเลือกสเปคต่ำกว่าขนาดห้องเพราะจะทำให้เครื่องกรองอากาศทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ และควรพิจารณาพื้นที่ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศภายในบ้านอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการใช้งาน เช่น ในห้องเด็ก หรือห้องผู้สูงอายุ
3. ประหยัดค่าไฟ หากมีเครื่องฟอกอากาศที่ทั้งช่วยทำความสะอาดอากาศและคุ้มค่า ประหยัดด้วย ก็คงจะดีไม่น้อย โดย 3เอ็ม แนะนำว่าควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรองแบบที่อากาศไหลผ่านได้ดี เพื่อให้เครื่องฟอกอากาศไม่ต้องทำงานหนัก และที่สำคัญคือควรเลือกสินค้าที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ร่วมด้วย เพราะแสดงว่ามีคุณภาพในการใช้พลังงานที่คุ้มค่าที่สุด ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานและประหยัดค่าใช้จ่ายได้นั่นเอง
4. ทำงานเงียบ เวลาเปิดเครื่องฟอกอากาศทิ้งไว้ทั้งคืน ควรเลือกเครื่องที่ไม่ส่งเสียงดังขณะทำงาน เพื่อให้ทุกคนพักผ่อนได้อย่างเต็มที่
5. อะไหล่หาง่าย เพราะหากเกิดปัญหาในภายหลัง จะได้สามารถหาซื้อและซ่อมแซมได้สะดวก โดยเฉพาะพวกแผ่นกรองและไส้กรองต่างๆ
6. วัตถุประสงค์การใช้งาน ปัจจุบันในท้องตลาดมีเครื่องฟอกอากาศจำนวนมาก มีฟังก์ชั่นที่หลากหลายนอกเหนือจากการดักจับฝุ่น อาทิ กำจัดกลิ่น และเชื้อโรค บางรุ่นมีอุปกรณ์ตรวจวัด แจ้งเตือนแบบอื่นๆ ทางที่ดีควรเลือกที่วัตถุประสงค์ของการใช้งานเป็นหลัก แล้วเปรียบเทียบคุณสมบัติกับราคาที่เหมาะสมกับความต้องการใช้งานจริงๆ เพื่อจะได้คุ้มค่า คุ้มราคาที่สุด
นอกจากเครื่องฟอกอากาศแล้ว สิ่งที่เราไม่ควรละเลยหรือมองข้ามก็คือ การทำความสะอาดตามจุดต่างๆ ในบ้านอยู่เสมอ เพื่อลดเชื้อโรคและฝุ่นละออง รวมถึง รวมกันใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน |