ในปีนี้ โตโยโบยังคงเดินหน้าครองความเป็นผู้นำยอดขายอันดับ 1 ในตลาดปั๊มน้ำในบ้านของไทยเป็นปีที่ 5 โดยในส่วนของผลิตภัณฑ์ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด ในโอกาสนี้จึงได้เปิดตัวปั๊มน้ำฮิตาชิรุ่นล่าสุด XX-series ที่มีความเป็นที่สุดในทุกด้านที่ผู้บริโภคต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเสียงที่เงียบที่สุด ให้ปริมาณน้ำสูงสุด และประหยัดไฟมากที่สุดเมื่อเทียบกับปั๊มน้ำฮิตาชิรุ่นอื่นๆ อีกทั้งได้แนะนำปั๊มน้ำอัตโนมัติแบบโครงสร้างหอยโข่ง (Centrifugal Type) ซึ่งภายในมีใบพัด 2 ชุด ตอบโจทย์เรื่องความเงียบขณะทำงาน และที่สำคัญยังให้ปริมาณน้ำมากกว่าเดิมร้อยละ 25 ต่อวัตต์ พร้อมแรงดันที่คงที่กว่าเดิม
“โครงสร้างใหม่นี้ถือเป็นการปฏิวัติวงการปั๊มน้ำบ้านในเมืองไทย โดยในเฟสแรกบริษัทฯ จะผลิตเฉพาะปั๊มขนาดใหญ่ 300-650 วัตต์ เพื่อรองรับบ้านขนาดใหญ่ เริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป และในเฟสต่อไปเราจะผลิตปั๊มขนาดเล็กและปั๊มระบบอินเวอร์เตอร์โดยใช้โครงสร้างใหม่นี้ในทุกผลิตภัณฑ์ ครอบคลุมทุกความความต้องการของผู้บริโภค อีกทั้งมั่นใจได้ในคุณภาพสินค้า เพราะเครื่องปั๊มน้ำฮิตาชิทุกรุ่นได้รับมาตรฐาน มอก. และเรายังได้ขยายระยะเวลารับประกันมอเตอร์เป็น 10 ปี เป็นรายเดียวในประเทศไทยอีกด้วย” นายเดชา กล่าวเสริม
นายเคอิชิ ยาเบะ กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บริษัทฮิตาชิคอนซูมเมอร์ โปรดักส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ตอนนี้ความต้องการในตลาดปั๊มน้ำของไทยเน้นที่ปริมาณน้ำมาก เสียงเงียบ และประหยัดพลังงาน ปีนี้ฮิตาชิจึงเตรียมแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ ปั๊มน้ำ XS-series Excel type 5 รุ่น Tank type 7 รุ่น และล่าสุดคือ XX-series 2 รุ่น ซึ่งปรับปรุงจากรุ่น XS-series Stainless Tank ด้วยการใช้ใบพัดพิเศษที่พัฒนาขึ้นใหม่ ทำให้ได้ปริมาณน้ำสูงสุดถึง 51 ลิตรต่อนาที โดยยังคงมาตรฐานประหยัดไฟเบอร์ 5 และมีความปลอดภัยได้มาตรฐาน มอก. นอกจากนี้ยังมีปั๊ม Turbine type TM-60L อีก 3 รุ่น ที่ให้แรงดันน้ำเพิ่มขึ้น 1.5 เท่าจากรุ่นก่อน จึงให้ปริมาณน้ำสูงสุดถึง 90 ลิตรต่อนาที เสียงรบกวนน้อย ประหยัดไฟเบอร์ 5 และได้มาตรฐาน มอก. เช่นกัน”
ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจชะลอตัว โตโยโบ (ประเทศไทย) ยังได้เตรียมงบการตลาดกว่า 80 ล้านบาท โดยจะเน้นที่สื่อออนไลน์และกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เติบโตอีกร้อยละ 20 ตามแผนที่วางไว้ พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายยอดจำหน่าย 350,000 เครื่องต่อปี ในอีก 3 ปีข้างหน้า
|