โดยแกรมมี่ได้เสนอช่องทางการค้า ที่เรียกว่า MUSIC SOLUTION เพื่อนำมาใช้ในการร่วมมือกันครั้งนี้ ได้แก่
1. MUSIC CONTENT ในปีนี้แกรมมี่มี CONTENT เพลง ในรูปแบบของ DIGITAL ALBUM ออกมามากมาย ที่ตอบโจทย์ในการเข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมายทั้ง REACH & ENGAGEMENT ครอบคลุมกลุ่ม NATIONWIDE / LOCAL HERO /FANBASE และ TRENDING ALBUM อาทิ พบกับอัลบั้มเต็ม 10 เพลงใหม่เป็นครั้งแรกของวง KLEAR ในอัลบั้ม GROW IN THE DARK ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย NATIONWIDE ครอบคลุมทั่วประเทศ หรืออัลบั้มที่ตอบโจทย์ LOCAL HERO เจาะจงไปที่กลุ่มเป้าหมายในแต่ละท้องถิ่น อย่าง อัลบั้มลำซิ่งลิซึ่ม ของหญิงลี ที่เจาะกลุ่มภาคกลาง เป็นต้น
2. DIGITAL MEDIA นอกเหนือไปจาก MUSIC CONTENT ในรูปแบบของเพลง อีกหนึ่ง ASSET ที่สำคัญของแกรมมี่ก็คือศิลปินและเหล่า INFLUENCERS ซึ่งถือได้ว่าแกรมมี่มี GMM INFLUENCER HUB กว่า 65 ล้าน FOLLOWERS ที่ทรงพลังอยู่ในมือ ครอบคลุมไปทุกกลุ่มเป้าหมาย NATIONWIDE & COVERAGE ตั้งแต่ระดับ ARTIST (ศิลปิน) / MACRO (เพจต่างๆ) ไปจนถึงระดับ LOCAL ( PAGE LOCAL) และ MICRO INFLUENCERS (INFLUENCERS ระดับ ท้องถิ่น) ทำให้สามารถสื่อสารเจาะกลุ่มได้ทั้งแนวราบและ แนวดิ่งอย่างมีประสิทธิภาพ
3. ROAD TOURS กิจกรรมฟรีคอนเสิร์ต เจาะเข้าถึงตลาดภูมิภาคครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย และครบวงจรในการทำ Music content คือ การทำ Online Offline และ On ground เมื่อมีอัลบั้มเพลงโปรโมทผ่านทาง Online Offline การทำ On ground คือจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายที่ทำให้เกิดความสมบูรณ์ โดยในปีนี้มี Road tour ทั้งหมด 31 ครั้งครอบคลุมทุกพื้นที่ อาทิ แกรมมี่ซูเปอร์โชว์ บุก 8 จังหวัดเจาะพื้นที่ภาคอีสาน, CLASH Road tour 5 จังหวัด, POTATO Campus Tour รวม 10 มหาวิทยาลัย และปิดท้ายด้วยคอนเสิร์ตฉลองครบรอบ 25 ปีแกรมมี่โกลด์กับเส้นทางสายมิตรภาพ 8 จังหวัด
4. SHOWBIZ อีกหนึ่งหัวใจสำคัญทางธุรกิจ สำหรับคอนเสิร์ตขายบัตรทุกรูปแบบทั้ง MUSIC FESTIVAL อาทิ BIG MOUNTAIN / เชียงใหญ่เฟส / นั่งเล่น หรือ SOLO CONCERT ที่ถือได้ว่า แกรมมี่เป็นเจ้าตลาดกว่า 60% MARKET SHARE กว่า 300,000 ผู้ชมต่อปี ถือว่าเป็นช่องทางสำคัญสำหรับพาร์ทเนอร์รูปแบบ B2B ได้อย่างแท้จริง
|