นอกจากนี้ยังมีโครงการขนาดใหญ่อีกหลายโครงการที่ภาครัฐบาลจะทยอยเปิดประมูลอย่างต่อเนื่อง เช่น รถไฟฟ้าสายสีม่วงด้านใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ มูลค่า 77,000 ล้านบาท และโครงการรถไฟทางคู่ที่ผ่าน EIA แล้ว จำนวน 3 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 180,000 ล้านบาท สำหรับโครงการในต่างประเทศ ขณะนี้ CKP อยู่ระหว่างเจรจาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแห่งใหม่ในลาว มูลค่าใกล้เคียงกับโครงการไซยะบุรี มั่นใจว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายใน
ปีนี้ ซึ่งโครงการเหล่านี้มีจะช่วยเสริมมูลค่างานในมือ (Backlog) ขึ้นมาอย่างต่ำ 150,000-200,000 ล้านบาทในปีนี้ จากปัจจุบันที่อยู่ราว 30,000 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในกลุ่ม นางสาวสุภามาส กล่าวเสริมว่า “BEM นั้น ผลประกอบการในไตรมาส 3 ดีขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากการผ่อนคลายล็อกดาวน์ทำให้ปริมาณรถและปริมาณผู้โดยสารปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนกลับมาอยู่ที่ร้อยละ 92 ปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT กลับมาอยู่ที่ร้อยละ 80 บริษัทคาดว่าหลังจากมีการผ่อนคลายมากขึ้นและสถานศึกษาต่างๆ กลับมาเปิดการเรียนการสอนได้เต็มรูปแบบเหมือนเดิม ปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนและปริมาณผู้โดยสารจะกลับมาเป็นปกติ TTW ผลประกอบการก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี จ่ายปันผลได้สม่ำเสมอ สำหรับ CKP ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2563 โรงไฟฟ้าทุกแห่งมีแนวโน้มที่จะสามารถผลิตไฟฟ้าได้สูงกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ เพราะตั้งแต่เดือน มิ.ย. เป็นต้นมา มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำของโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 และ ไหลผ่านโรงไฟฟ้าไซยะบุรีเพิ่มขึ้นตามลำดับ ทั้งนี้ จะมีแนวโน้มที่ปริมาณน้ำจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยของปริมาณน้ำของปีปกติอีกด้วย”
|