ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์แผ่นฟิล์ม PET ชนิดหนา ที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม ในช่วงที่ผ่านมาจะชะลอตัวลง แต่คาดว่าจะค่อยๆ ดีขึ้นตามสภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะส่งผลดีต่อกลุ่มผลิตภัณฑ์ PET ชนิดหนา ที่มีสัดส่วนรายได้คิดเป็น 25-30% ของรายได้รวมของบริษัทฯ ให้มีทิศทางการเติบโตที่ดีขึ้น
“ผลการดำเนินงานทางการเงินของ PTL ได้รับการสนับสนุนจากสถานะที่แข็งแกร่งของ บริษัท ในฐานะผู้ผลิตฟิล์ม PET รายใหญ่อันดับ 5 ของโลก และการบริหารการผลิตแผ่นฟิล์มมาตรฐานและแผ่นฟิล์มชนิดพิเศษ ประกอบกับการมีฐานลูกค้าที่มั่นคงและการสร้างสรรนวัตกรรมผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องจึงช่วยสนับสนุนการเติบโตได้ดี” นาย อมิต กล่าว
ทั้งนี้ PTL ได้จัดสรรงบประมาณประมาณ 90-100 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเพิ่มผลผลิตและยกระดับกำลังการผลิตในอินโดนีเซียไทยและตุรกี ขณะเดียวกันก็มั่นใจว่าโรงงานในสหรัฐฯ ของบริษัทฯ จะมีประสิทธิภาพการผลิตที่ดีที่ช่วยสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทฯ ให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
|