“หากมองในแง่ของวัฒนธรรมและประเพณีแล้ว ประเทศอินเดียและประเทศไทยนั้นมีความคล้ายคลึงกันมาก ขณะที่แบรนด์ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล ในฐานะแบรนด์เอเชียก็เป็นแบรนด์ที่มีประสบการณ์ในการบริหารโรงแรมและรีสอร์ท มายาวนานกว่า 70 ปี อีกทั้งแบรนด์เดวาราณาของกลุ่มดุสิตเคยเป็นที่รู้จักในกรุงเดลลีประเทศอินเดียมาแล้วในช่วงปี 2551-2559 ในฐานะแบรนด์ลักซูรี่ระดับบน จึงทำให้แบรนด์ดุสิตเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับเจ้าของกิจการโรงแรมในอินเดีย” นางศุภจีกล่าว
ทั้งนี้ ประเทศอินเดียเป็น 1 ใน 7 ของตลาดชั้นนำของโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตทั่วโลก โดยปัจจุบันนี้ ชนชั้นกลางในประเทศอินเดียนั้นเติบโตอย่างรวดเร็ว จนคาดว่าจะมีจำนวนถึง 583 ล้านคนหรือ 41% ของประชากรอินเดียภายในปี 2568 กลุ่มดุสิตจึงมองเห็นศักยภาพในการสร้างแบรนด์ระดับหรูและระดับกลางในตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ ซึ่งกลยุทธ์การขยายธุรกิจในอินเดียของดุสิต คือการเลือกแบรนด์โรงแรมที่มีคุณภาพ ทั้งดุสิตปริ๊นเซส และดุสิตดีทู เพื่อช่วยต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินทรัพย์ที่มีอยู่ของนักลงทุนหรือเจ้าของกิจการ โดยหนึ่งในตัวอย่างของดีลที่คาดว่า จะปิดได้เร็วๆ นี้ คือ การนำปราสาทเก่าแก่มาทำเป็นโรงแรมระดับหรู โดยกลุ่มดุสิตตั้งใจที่จะนำรูปแบบการให้บริการแบบไทย มาผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นของอินเดีย เพื่อสร้างประสบการณ์การพักผ่อนที่มีระดับให้กับลูกค้าและมอบคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับชุมชนรอบข้าง
ด้าน มร. เชรียอานส์ เจน (Shrayans Jain) รองประธานเจนกรุ๊ป กล่าวว่า การใช้ชีวิตแนววิถีใหม่หรือนิวนอร์มอล (New Normal) ในสถานการณ์โควิด-19 ทำให้นักเดินทางชาวอินเดียมองหาแบรนด์ที่พวกเขาไว้วางใจได้ มีความปลอดภัย และความสะดวกสบายในระดับสูง กลุ่มดุสิตมีประสบการณ์มากกว่า 7 ทศวรรษในการส่งมอบประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับลูกค้าในจุดหมายปลายทางสำคัญๆ ทั่วโลก และยังมีชื่อเสียงอันเยี่ยมยอดที่อินเดียในด้านคุณภาพงานบริการ เจนกรุ๊ปจึงเชื่อมั่นว่า ด้วยการผนึกความร่วมมือที่สำคัญในครั้งนี้ จะทำให้โรงแรมดุสิต ปริ๊นเซส เซอร์วิส สวีท กัลกัตตา จะอยู่ในตำแหน่งที่เหนือกว่าความคาดหวังของลูกค้าอย่างสมบูรณ์แบบ และเราหวังว่าจะมีความสัมพันธ์ที่ยาวนานและประสบความสำเร็จไปด้วยกันกับกลุ่มดุสิตธานี
|