ด้านของการให้บริการ นพ. นรินทร สุรสินธน ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ บางกระเจ้า และผู้อำนวยการด้านปฏิบัติการ ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ อธิบายว่า การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมของไวทัลไลฟ์ @บางกระเจ้า ที่โครงการรักษ (อ่านว่า รัก-ษะ) นั้น มีความแตกต่างจากแห่งอื่นๆ เนื่องจากเราได้ออกแบบการดูแลสุขภาพแบบ personalize หรือเฉพาะรายบุคคล ด้วยการตรวจพันธุกรรมแล้วนำมาวิเคราะห์โปรแกรมที่ตรงกับผู้เข้าพัก พร้อมมี Lifestyle Coaching คอยให้คำปรึกแนะนำแนวทางในการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งในเรื่องของอาหาร การออกกำลังกาย และพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม
โดยขอเปรียบเทียบสุขภาพของมนุษย์เรากับต้นไม้ เริ่มจากทุกคนจะมีเมล็ดพันธุ์ของตัวเอง และมีพันธุกรรมที่แตกต่างกัน บางคนมีพันธุ์ของโรคต่างๆ บางคนมีพันธุ์ของโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคไขมัน โรคหัวใจ ซึ่งส่วนนี้จะอยู่ในพันธุกรรมอยู่แล้ว และเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งจากเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ กว่าจะเติบโตขึ้นมานั้น จำเป็นจะต้องมีน้ำ มีดิน มีปุ๋ย ที่ใส่เติมเข้าไป เปรียบได้กับร่างกายของเรา สิ่งที่เราเติมเข้าไป มี 2 ส่วน คือ Lifestyle factor และ External factor
โดยในส่วน Lifestyle factor ก็คือเรื่องของอาหาร สารอาหาร หรือวิตามินต่างๆ ที่ทานเข้าไป การออกกำลังกาย การพักผ่อนนอนหลับที่เหมาะสม การจัดการกับความเครียด ซึ่งก็เปรียบเหมือนปุ๋ย ที่จะใส่เข้าไปในเมล็ดพันธุ์ และอีกด้านหนึ่งก็คือ External factor เปรียบได้กับ ดิน น้ำ ที่อาจมีสารพิษปะปน มีโลหะหนัก มี PM 2.5 หรือแม้กระทั่งโรคระบาด อย่างโรคโควิด-19 ก็ถือเป็นปัจจัยภายนอก ซึ่งจะเข้ามาทำให้ภายในร่างกายของเราเกิดการเปลี่ยนแปลง และอาจส่งผลกระทบถึงพันธุกรรมของเราได้
สำหรับในส่วนเมล็ดพันธุ์ที่จะงอกเติบโตไปเป็นต้นไม้นั้น ก็ต้องหมั่นดูแล เปรียบได้กับเรื่องของฮอร์โมน การกำจัดสารพิษ การดีท็อกซ์ร่างกาย เรื่องของทางเดินอาหาร เรื่องของความจำ สมอง ความอ่อนล้า เรื่องของกระดูก ข้อต่อ กล้ามเนื้อ และเรื่องภูมิคุ้มกัน เป็นต้น โดยไวทัลไลฟ์ @บางกระเจ้า มีหน้าที่เข้ามาช่วยปรับปรุงฟังก์ชั่นภายในร่างกายก่อนที่จะเกิดอาการหรือสัญญาณเตือนต่างๆ เนื่องจากบางคนมองว่า การที่ท้องผูกหรือท้องเสียนิดหน่อย เป็นเรื่องปกติ หรือบางคนมองว่าการเป็นไมเกรน ไม่สามารถแก้ไขได้ หรือบางคนมักมีอาการง่วงตอนบ่ายๆ รู้สึกอ่อนเพลีย เป็นเรื่องปกติ ซึ่งจริงๆ แล้ว เป็นเรื่องที่ไม่ปกติ และสามารถจัดการดูแลได้ ด้วยวิธีการดูแลเชิงป้องกัน ซึ่งเป็นเทรนด์การดูแลสุขภาพในปัจจุบันและในอนาคต ซึ่งมีความคุ้มค่ามากกว่าการรักษาตัวจากอาการเจ็บป่วยในภายหลัง
ด้วยคอนเซ็ปต์นี้ ไวทัลไลฟ์ จึงได้พัฒนาโปรแกรมในการดูแลสุขภาพทั้งหมด 9 โปรแกรม อาทิ โปรแกรมการดูแลทางเดินอาหาร หรือโปรแกรม Gut Health Program สำหรับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินอาหาร อาหารไม่ย่อย ท้องอืด ขับถ่ายไม่ดี, โปรแกรม Immune Booster สำหรับคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือคนที่ติดเชื้อบ่อยๆ รวมถึงคนที่เป็นภูมิแพ้, โปรแกรม Detox ที่จะทำการตรวจหาว่ามีโลหะหนัก มีสารพิษในร่างกาย มีการอักเสบของร่างกาย ซึ่งเป็นต้นเหตุของความแก่ชรา และโรคภัยต่างๆ โดยจะสามารถกำจัดสารพิษเหล่านี้ออกไปได้ หรือโปรแกรม Mobility สำหรับคนที่มีอาการปวดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระดูก ข้อต่อ กล้ามเนื้อ โดยทั้งหมดนี้ ไวทัลไลฟ์ @บางกระเจ้า ถูกดีไซน์ขึ้นมาเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดี ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเรื้อรัง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน ความดัน ไขมัน หัวใจ หรือโรคต่างๆ
นอกจากโปรแกรมของไวทัลไลฟ์ @บางกระเจ้า จะให้การดูแลรักษาสุขภาพที่ดีแล้ว ยังมีการให้ข้อมูลความรู้ และสร้างความเข้าใจให้กับผู้มาใช้บริการ รวมถึงมีโค้ช (Lifestyle coach) ที่คอยให้คำปรึกษาแนะนำในการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ รวมถึงให้ตระหนักรู้ถึงความสำคัญของสุขภาพตนเองมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่าง ในการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ หรือ Lifestyle Factor อันดับแรกคือ เรื่องของอาหาร ถ้าผู้มาใช้บริการสามารถเรียนรู้ถึงวิธีการเลือกอาหารได้อย่างเหมาะสม ทางรักษจะเป็นฝ่ายจัดเตรียมตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบอาหารที่ปลอดสารพิษ รวมถึงมีเชฟและนักโภชนาการ (Nutritionist) ของไวทัลไลฟ์ มาร่วมให้คำแนะนำในทุกมื้อที่ “รักษ” เพื่อจะได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งแค่เพียงยารักษาโรค หรือการฟื้นฟูร่างกายเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นได้ จึงจำเป็นที่ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพของตัวเอง
ฉะนั้น Lifestyle Coach จึงมีความจำเป็นต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างมาก จากประสบการณ์ที่หมอพบ คือ หลายๆ คนเวลากลับไปใช้ในชีวิตประจำวันแล้ว ด้วยหน้าที่การงาน ภารกิจและครอบครัว ที่ต้องเจอทุกวัน ทำให้ในระยะแรกๆ การที่จะปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์นั้น ไม่สามารถทำได้ 100% จึงจำเป็นต้องมีโค้ชที่ช่วยคอยกำกับดูแล ในเรื่องของคำแนะนำอาหารการกิน การออกกำลังกายในแต่ละวัน ที่ทางแพทย์ของไวทัลไลฟ์จะคอยให้คำแนะนำการดูแลสุขภาพได้หลังจากกลับไป นอกจากนี้ สิ่งที่บำรุงราษฎร์ และไวทัลไลฟ์ ได้พัฒนาอยู่ในขณะนี้ คือเรื่องของ teleconsultation ที่จะเข้ามาเชื่อมโยงระหว่างแพทย์และผู้มาใช้บริการ เสมือนมีโรงพยาบาลอยู่ในมือถือ มีแพทย์ประจำบ้านที่สามารถติดต่อได้ตลอดเวลา โดยไวทัลไลฟ์จะใช้ระบบนี้ เข้ามาเสริมจากโปรแกรมไวทัลไลฟ์ @บางกระเจ้า เพื่อการดูแลสุขภาพที่ดีอย่างต่อเนื่อง
ด้านของ นพ. รัฐภรณ์ อึ๊งภากรณ์ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านผิวหนังและความงาม ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพไวทัลไลฟ์ บางกระเจ้า กล่าวเสริมว่า “นอกจากในส่วนของการดูแลความงามจากภายใน (Beauty from the inside out) แล้ว ไวทัลไลฟ์ @บางกระเจ้า ยังมี unit ที่ดูแลในเรื่องของความสวยความงาม (Aesthetics) ซึ่งจะดูแลความงามจากภายนอกด้วยเช่นกัน ซึ่งจะสัมผัสได้จากประสาทสัมผัสทั้ง 5 - รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เข้ามาผสมผสานกัน โดยที่รักษจะให้การดูแลทั้งในส่วนของการดูแลสุขภาพและความงามแบบองค์รวม ซึ่งข้อแตกต่างและโดดเด่นจากแห่งอื่นๆ คือ ไวทัลไลฟ์ เรามีทีมแพทย์มืออาชีพประจำอยู่ในรักษ รวมถึงมีสหสาขาวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง และเรามีบรรยากาศสิ่งแวดล้อมที่แตกต่าง เรียกได้ว่าเป็นคลินิกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ด้วยพื้นที่เกือบ 200 ไร่ ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ที่แปลกใหม่ที่ต้องมาสัมผัส ลิ้มรสอาหารที่ปรุงแต่งเพื่อสุขภาพ พร้อมกับรังสรรค์ความงามได้หลากหลายโปรแกรม อาทิ Thermage, Ulthera, Botox, Filler และอื่นๆ มีความเป็นส่วนตัวสูง ท่ามกลางธรรมชาติ ทั้งต้นไม้นานาพันธุ์ โอบล้อมด้วยทะเลสาบ และแม่น้ำเจ้าพระยา ได้ที่โครงการรักษ @บางกระเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ ส่งผลให้ผู้มาใช้บริการรู้สึกผ่อนคลาย และสามารถปฏิบัติตามโปรแกรมได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด”
เภสัชกรหญิงอาทิรัตน์ กล่าวปิดท้าย “สำหรับความร่วมมือในการเปิดตัว Medical & Wellness Retreat แห่งแรกในเมืองไทยและเอเชียครั้งนี้ ถือเป็นการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism) ในประเทศไทย และไวทัลไลฟ์เองก็มีความภาคภูมิใจที่มีส่วนสำคัญ สนับสนุนให้ประเทศไทยกลายเป็น World-Class Medical & Wellness Destination ของคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติจากทั่วโลก หลังโควิด-19 คลี่คลายลง และช่วยสร้างรายได้ให้กับประเทศชาติได้อีกครั้ง”
สามารถศึกษาข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.vitallifeintegratedhealth.com/Bangkrachao
|