· แรปปิ้ง สตูดิโอ (Wrapping Studio) สตูดิโอจุดห่อของขวัญสุดพิเศษที่ตั้งขึ้น ณ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ เพื่อเป็นการมอบความสุขในเทศกาลของการเฉลิมฉลองผ่านการห่อของขวัญแบบพิเศษด้วยเทคนิคสูญญากาศสุดล้ำ ที่มาพร้อมกับลายแพทเทิร์นแบบไม่ซ้ำใครของไฮเนเก้นกว่า 10 ลายที่ออกแบบมาโดยเฉพาะช่วงเฟสทีฟนี้เท่านั้น โดยไฮเนเก้นหวังเป็นการมอบประสบการณ์ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคผ่านเทศกาลช่วงปลายปี และตั้งเป้าหมายที่ 10,000 ชิ้นตลอดกิจกรรมตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป จนถึงสิ้นเดือนธันวาคม ในเงื่อนไขของการซื้อของในมูลค่า 1,000 บาท (รวมบิลได้) ต่อการห่อของ 1 ชิ้น ทั้งในศูนย์การค้า ดิเอ็มโพเรี่ยม และ เอ็มควอเทียร์
· ไฮเนเก้น สตาร์ เซเลเบรชั่น 2020 (Heineken® Star Celebration 2020) อีกหนึ่งไฮไลท์กับสถานที่แฮงก์เอาท์สุดคูล พื้นที่ของการเฉลิมฉลองและสังสรรค์กลางเมืองในบรรยากาศที่แตกต่างไม่เหมือนใคร ด้วยรูปแบบของเลเอ้าท์พื้นที่ที่ไม่แออัดของศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ ทำให้มีทั้งโซนนั่งกิน-ดื่มและโซนชิลล์ให้กลุ่มผู้บริโภคได้เลือกตามความชอบ พร้อมขับกล่อมด้วยดนตรีตลอดทุกค่ำคืนที่คงสไตล์เอกลักษณ์ความเป็นไฮเนเก้นแบบเฉพาะตัว นอกจากนี้ยังมี Heineken® Festive Merchandise ที่ส่งตรงจากอัมสเตอร์ดัมให้ได้ช้อปกันเช่นเคย ซึ่งในปีนี้ไฮเนเก้นเรายังเน้นการตกแต่งพื้นที่ให้เหมาะสมกับยุคนิว นอร์มอล (New Normal) และยังคงเน้นย้ำพร้อมให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการเว้นระยะห่างทางสังคมด้วยเช่นกัน
“เราตั้งเป้าของแคมเปญ Heineken® Festive 2020 ไว้ในหลายมิติ ตั้งแต่ด้านการรับรู้ของแบรนด์ (Brand Awareness) คุณค่าตราสินค้า (Brand Value) ด้วยการใช้แผนการสื่อสารทางการตลาดแบบ Seasonal Marketing ที่จะดึงเอาการรับรู้ของการสื่อสารการตลาดที่เราทำไปนั้น กลับมาที่แบรนด์ (Call to Action) เป็นการทำการตลาดเชิงรุกช่วงไตรมาตร 4 เพื่อสอดรับกับพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ในช่วงเทศกาล ตอบรับผู้บริโภคทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ โดยเราเชื่อมั่นว่ากลยุทธ์ที่เราใช้ในแคมเปญนี้จะเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคอย่างน้อย 12 ล้านคน ช่วยกระตุ้นยอดขายในไตรมาศที่ 4 ปลุกการซื้อระยะสั้นในช่วงเทศกาล คงส่วนแบ่งในตลาดเบียร์พรีเมียม 91% ครองตำแหน่งผู้นำในการเป็น Premium ทั้งในเรื่องของคุณค่าตราสินค้า แบรนด์ที่มีความแตกต่าง และมีความหมายในใจผู้บริโภค
“ทั้งนี้ในฐานะแบรนด์ผู้นำด้านนวัตกรรมและคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม เราให้ความสำคัญของวิถีการดำเนินชีวิตแบบใหม่ (New Normal) เพื่อปรับให้เข้ากับสถานการณ์ของกลุ่มผู้บริโภคและการทำตลาดในเมืองไทยด้วยเช่นกัน ซึ่งกลยุทธ์และแคมเปญที่เราคิดมานั้นจะต้องสอดคล้องกับแนวทางของโกลบอลซึ่งจะเน้นย้ำในเรื่องการให้ความสำคัญกับการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) มาโดยตลอด แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องงดพบปะผู้คน แต่ทุกคนจะต้องรู้จักสังสรรค์กันอย่างมีความรับผิดชอบต่อตัวเอง สังคมและคนรอบข้างด้วย โดยทุกกิจกรรมของเราเองก็จะมาตรฐานความปลอดภัยทุกอย่างแบบเคร่งครัด และหวังว่าทุกคนจะให้ความร่วมมืออย่างมีความรับผิดชอบเพื่อการสังสรรค์กันอย่างมีความสุขในเทศกาลนี้ครับ”นายธีรภัทรกล่าวปิดท้าย
เริ่มต้นเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองที่กำลังจะมาถึงกับความพิเศษที่แตกต่างของการยกระดับประสบการณ์ให้ผู้บริโภคแบบไม่ซ้ำใคร พร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำของตลาดเบียร์พรีเมียมในประเทศไทยด้วยด้วยแคมเปญ Heineken® Festive campaign 2020
ติดตามกิจกรรมความเคลื่อนไหวทางการตลาดของแบรนด์ไฮเนเก้นและรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ทาง http://www.facebook.com/Heineken และ Instagram @heineken_th
|