2. เทคโนโลยีต้องตอบโจทย์ความสะดวกสบายและช่วยลดภาระ
จากการที่ต้องทำกิจกรรมและติดต่อกับโลกภายนอกผ่านโลกดิจิทัลและอินเตอร์เน็ตเป็นหลัก ทำให้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น จนทำให้ผู้บริโภคยึดติดกับการพึ่งพาความชาญฉลาด ความรวดเร็วและความสะดวกสบายทันใจของเทคโนโลยี จนเกิดเป็น Lazy Economy หรือ เศรษฐกิจของคนขี้เกียจ เปิดเป็นช่องทางการตลาดมาเพื่อตอบรับกับความขี้เกียจของคนมากขึ้น
สะดวกสบายและรวดเร็ว ด้วยเหตุการณ์การล็อกดาวน์และการระมัดระวังตัวของผู้คนมากขึ้น เป็นตัวบีบให้ต้องหันมาทำการช้อปปิ้งและซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันบนช่องทางออนไลน์มากขึ้นจนเกิดเป็นนิสัย โดยเห็นได้จากอัตราการเติบโตของสินค้าออโต้บอท ประเภทหุ่นยนต์ดูดผุ่น และ เครื่องฟอกอากาศมีอัตราการเติบโตบน ช้อปปี้ ที่สูงขึ้นถึง 2 เท่า และ 3 เท่า ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 โดยปัจจุบันการช้อปปิ้งออนไลน์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประชำวันของผู้คนไปแล้ว และจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เพราะเนื่องจากสะดวกสบาย และมีการขนส่งที่รวดเร็ว เพียงอยู่บ้านก็สามารถรับสินค้าได้
ปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีล้ำสมัย ปัจจุบันผู้คนมักมีหลายเรื่องให้ต้องทำในแต่ละวัน ทำให้การดูแลเรื่องจุกจิกเล็กน้อยภายในบ้านกายเป็นเรื่องหน้าเบื่อ ดังนั้นการมีเทคโนโลยีที่จะลดภาระและเสริมสร้างความสะดวกสบายจึงเป็นที่นิยม ออโต้บอท จึงได้ออกแบบและพัฒนาให้ผลิตภัณฑ์มาพร้อมกับความชาญฉลาดและฟังก์ชั่นล้ำสมัยตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคอยู่เสมอๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ที่จะช่วยคำนวนพื้นที่ในการทำความสะอาด พร้อมเดินกลับแท่นชาร์จเองแบบอัตโนมัติเมื่อทำครบพื้นที่ หรือหลังจากแบตเตอรีหมด ซึ่งช่วยประหยัดเวลาในการทำความสะอาด เหลือเวลาให้ทำกิจกรรมอื่นๆ ได้อย่างเต็มที่
3. ประสบการณ์การใช้งานแบบไร้การสัมผัส
อีกหนึ่งพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากเชื้อโควิด-19 คือการใช้เทคโนโลยี เพื่อลดการสัมผัสสิ่งของต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับธนบัตร เนื่องจากโควิด-19 เป็นเชื้อที่สามารถแพร่กระจายได้ผ่านการสัมผัสเชื้อโรคเข้าสู่ดวงตาและริมฝีปาก จึงเกิดเป็นพฤติกรรมแบบ Contactless หรือประสบการณ์การใช้งานแบบไร้การสัมผัสขึ้น ส่งผลให้ผู้คนหันมาทำธุรกรรม และชำระเงินผ่านหน้าจอสมาร์ทโฟน โดยพฤติกรรมนี้ก็ยังคงอยู่กับผู้บริโภคต่อไป และยังคงมองหาเทคโนโลยีที่ช่วยให้สัมผัสกับสิ่งของได้น้อยลงอย่างต่อเนื่องอีกด้วย อย่างนวัตกรรมจากออโต้บอท ที่มาพร้อมกับระบบควบคุมสั่งการจากแอปพลิเคชันบนหน้าจอสมาร์ทโฟน และ รองรับระบบสั่งการด้วยเสียงผ่าน Google Home และ Alexa ให้ผู้ใช้งานสามารถสั่งการจากที่ใดก็ได้ภายในบ้านได้อย่างสะดวกสบาย
“พฤติกรรมของผู้บริโภคในยุค Next Normal นี้ มุ่งหาความสะดวกสบายจากเทคโนโลยี และหันมาสนใจในเรื่องสุขภาพมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ปีนี้ ออโต้บอท ยังคงเน้นพัฒนานวัตกรรมให้มีความล้ำสมัยขึ้นไปอีกระดับ และได้ต่อยอดความร่วมมือกับช้อปปี้ อย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบเทคโนโลยีอันชาญฉลาดของออโต้บอท ให้ถึงมือผู้ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว สะดวกสบาย และไร้การสัมผัส เริ่มต้นที่แคมเปญ Shopee 2.2 Free Shipping Sale ในวันที่ 25 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2564 นี้” นายธรรมสร กล่าวเสริม
|