การเติบโตของผลการดำเนินงานดังกล่าวมาจากความต้องการใช้ยางในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศจีน หลังจากควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ได้ดี ส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ ทำให้มีความต้องการใช้ยางเพื่อการผลิตยางล้อ (รถ) เพิ่มขึ้น รวมถึงผลการดำเนินงานปี 2563 ของ บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) ผู้ผลิตและจำหน่ายถุงมือยางรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ STA สามารถทำสถิติสูงสุดใหม่
จากผลการดำเนินงานดังกล่าว ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 จึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลจากงวดผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2563 ในอัตรา 1.75 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 2,688 ล้านบาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 12 เดือนเมษายนนี้ และจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 29 เดือน เมษายน 2564 โดยเมื่อรวมกับการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จากงวดผลการดำเนินงาน 1 มกราคม – 30 กันยายน 2563 ในอัตรา 0.50 บาทต่อหุ้น ส่งผลให้บริษัทฯ จะจ่ายเงินปันผลในรอบปี 2563 อัตรารวม 2.25 บาทต่อหุ้น
“เรามั่นใจว่าจะสามารถสร้างผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่องในปีนี้ เนื่องจากภาพรวมอุตสาหกรรมยางน่าจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว และสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นไป จะส่งผลให้เกิดความต้องการใช้ยางธรรมชาติเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีความต้องการใช้เพื่อการผลิตยางล้อ และอุตสาหกรรมถุงมือยางที่มั่นใจว่าจะยังมีดีมานด์ที่แข็งแกร่ง จะเป็นปัจจัยสำคัญให้บริษัทฯ บรรลุเป้าหมายการเติบโต” นายวีรสิทธิ์ กล่าว
|