นายวรสิทธิ์ กล่าวต่อไปว่า “ส่วนโครงการ “รักษ” ศูนย์บูรณาการสุขภาพและการแพทย์แบบองค์รวม ซึ่งเป็นความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่ระหว่าง มั่นคงฯ, บำรุงราษฎร์ และ ไมเนอร์ฯ แม้จะมีความล่าช้าในการเปิดตัวจากวิกฤตดังกล่าว แต่บริษัทฯ กลับมีความมั่นใจในธุรกิจนี้ เนื่องจากผู้บริโภคต่างหันกลับมาให้ความสนใจการดูแลสุขภาพกันมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับแผนแนวทางยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศไทย (พ.ศ.2560-2569) เพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็น Medical Hub และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ Medical and Wellness Tourism โดยหลังจากที่เปิดให้บริการเพียง 2 เดือนได้รับผลตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าภายในประเทศ มีค่าสมาชิกกว่า 40 ล้านบาท นับเป็นสัญญาณที่ดีในการวางแผนการตลาดต่อไป”
ทั้งนี้ นายวรสิทธิ์ กล่าวย้ำว่า “ที่ผ่านมากลุ่มบริษัทมีสัดส่วนกำไรขั้นต้นจากธุรกิจที่มีรายได้ที่สม่ำเสมอและรายได้จากการให้บริการต่อรายได้จากการดำเนินการในทุกธุรกิจ (ไม่นับรวมรายได้จากการขายที่ดินเปล่า) ณ สิ้นปี 2563 คิดเป็น 29.4% เพิ่มขึ้น 4.5% จากสิ้นปี 2558 ที่สำคัญยังคงรักษาสภาพคล่อง เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนทางเศรษฐกิจ โดยในปี 2563 สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายให้ลดลง 107.39 ล้านบาท คิดเป็น 10.62%”
สำหรับแผนการดำเนินงานปี 2564 บมจ.มั่นคงเคหะการ เตรียมเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวม 2,347 ล้านบาท ยังเน้นการชูจุดเด่นด้านทำเล รวมถึงแนวคิดภายใต้คอนเซ็ปต์ “สุขภาวะที่ดี” (Well-being) ที่มุ่งพัฒนาสินค้าให้สอดคล้องกับพฤติกรรมและรสนิยมของผู้บริโภคมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นด้านการออกแบบดีไซน์ ฟังก์ชั่น สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในโครงการ ในส่วนของ “พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์” ผู้พัฒนาโครงการบาง “บางกอกฟรีเทรดโซน” บนถนนบางนา-ตราด กม.23 จะก่อสร้างแล้วเสร็จเต็มพื้นที่ในไตรมาส 2 ของปี 2564 และมีแผนขยายโครงการเพิ่มอีก 2 โครงการ บนทำเล ถนนเทพารักษ์ และถนนบางนา-ตราด กม.19 ซึ่งอยู่ในระหว่างการพัฒนา โดยจะมีพื้นที่ให้เช่าเพิ่มขึ้นประมาณ 120,000 ตารางเมตร ด้านโครงการ “รักษ” ที่พร้อมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบแล้ว และยังมีแผนเชิงรุกเน้นสร้างการรับรู้และทำตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งล้วนเป็นกุญแจสำคัญเพื่อสนันสนุนให้รายได้จากการให้เช่าและบริการยังคงมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง
“จากแผนดังกล่าวที่วางเอาไว้ จะเล็งเห็นได้ว่าบริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นดำเนินงานตามยุทธศาสตร์พัฒนาธุรกิจเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Development Roadmap) คือปรับสัดส่วนกำไรของทั้ง 2 ฝั่งอยู่ที่ 50/50 ภายใน ปี 2564” นายวรสิทธิ์ กล่าว
|