ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ทำสัญญาซื้อขายถุงมือยางไนไตร กับผู้ซื้อ คือ บริษัท พาส โกลบอล เวนเจอร์ส จำกัด ฉบับลงวันที่ 23 ธันวาคม 2563 และสัญญาฉบับแก้ไขลงวันที่ 25 ธันวาคม 2563 (แก้ไขโดยผู้ซื้อ) ซึ่งในการทำสัญญาซื้อขายดังกล่าวนั้น ทางบริษัทฯ ได้เจรจาติดต่อซื้อขายโดยผ่านตัวแทนของผู้ซื้อ คือ นางแนนซี่ เม็นโดซ่า ดิมาโน เป็นผู้มีอำนาจในการเจรจาต่อรองเรื่องการทำสัญญาซื้อขายในนามของผู้ซื้อ
ซึ่งการซื้อขายสินค้าถุงมือยางตามสัญญา ประกอบกับตารางการสั่งซื้อสินค้าจากตัวแทนคุณแนนซี่ สาระสำคัญคือผู้ซื้อจะต้องวางเงินมัดจำร้อยละ 50 ของสินค้าที่สั่งในแต่ละล็อต ซึ่งตามกรณีนี้ผู้ซื้อจะต้องวางมัดจำคิดเป็นจำนวน 3,325,000 USD แต่ในระหว่างรอให้ผู้ซื้อโอนเงินมัดจำอยู่นั้น ทางนางแนนซี่ ตัวแทนของผู้ซื้อก็ได้เจราจาเรื่องการโอนเงินมัดจำ กับทางบริษัทฯ อยู่หลายครั้ง จนในที่สุดทางผู้ซื้อก็ได้โอนเงินมัดจำมาให้จำนวน 785,000 USD. คิดเป็นเงินไทยหลังจากหักค่าธรรมเนียมต่างๆแล้วเป็นจำนวนเงิน 23,431,063.45 บาท และการโอนเงินได้ถูกโอนเข้ามายังบริษัทฯ จริงเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2564 และผู้ซื้อได้แจ้งว่าโอนเงินมาให้อีกยอดหนึ่งจำนวน 715,000 USD แต่การโอนเงินตามรายการนี้ “ไม่ปรากฏว่ามีเงินโอน” เข้ามายังบัญชีของบริษัทฯ แต่ประการใด
นางสาววารินทิพย์ กล่วต่อไปอีกว่า การกระทำนี้เหมือนผู้ซื้อเจตนาให้ทางบริษัทฯ เข้าใจว่าได้โอนเงินมัดจำมาให้อีกจำนวนหนึ่งแต่ความเป็นจริงโอนเงินมัดจำมาให้แค่ครั้งเดียวคือ จำนวนเงิน 23,431,063.45 บาท เท่านั้น ทั้งที่ความเป็นจริงตามสัญญาและตามคำสั่งซื้อนั้นจะต้องโอนเงินมัดจำมาให้ทั้งสิ้นเป็นเงินจำนวน 3,325,000 USD แล้วสัญญาจึงจะมีผลผูกพันต่อกันได้
ต่อมาเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2564 ทางนายปิเตอร์ สเวเคไนอัค ซึ่งอ้างว่าเป็นตัวแทนของผู้ซื้ออีกคนหนึ่งได้เดินทางเข้าในประเทศไทย แล้วได้โทรศัพท์ติดต่อมายังบริษัทฯ ว่าจะขอรับสินค้าตามที่ได้สั่งไว้ภายใน 7 วัน แต่ทางบริษัทฯ ได้แจ้งไปว่า เนื่องจากผู้ซื้อไม่ได้โอนเงินมัดจำมาให้ครบตามสัญญาที่ได้ตกลงกันไว้ สัญญาดังกล่าว จึงไม่สามารถมีผลให้จัดส่งสินค้าได้ แต่ทางคุณปิเตอร์ยืนยันว่าเมื่อโอนเงินมัดจำมาให้แล้วจำนวนหนึ่งก็จะขอให้บริษัทฯ ส่งของให้ตามที่ตนเองต้องการ ซึ่งทางบริษัทฯ ก็ยืนยันไปว่าเมื่อโอนเงินมัดจำมาไม่ครบตามข้อตกลงสัญญาก็ไม่เกิดขึ้น และจะไม่ส่งสินค้าตามที่คุณปิเตอร์ต้องการ ทำให้ทางคุณปิเตอร์ไม่พอใจและขอยกเลิกสัญญาซื้อขายดังกล่าว พร้อมขอคืนเงินมัดจำดังกล่าวเป็นเงินบาทไทยภายใน 3 วัน แต่ทางบริษัทฯ แจ้งว่าเงินมัดจำที่โอนมาเป็นเงิน USD
ซึ่งบริษัทฯ จะพิจารณาคืนเงินมัดจำให้แต่ขอตรวจสอบความถูกต้องให้รอบคอบก่อนว่าจะต้องคืนเงินมัดจำดังกล่าวให้กับบุคคลใดกันแน่ เนื่องจากคู่สัญญาที่ทำไว้ คือ บริษัท พาส โกลบอล เวนเจอร์ส จำกัด (ผู้ซื้อ) แต่ผู้ที่โอนเงินมัดจำมาให้คือ Glover Court Pty.Ltd. ทางบริษัทฯ จึงมีความจำเป็นต้องตรวจสอบและเช็คข้อมูลให้ถูกต้องรอบคอบเสียก่อน ตามที่ได้เคยมีหนังสือแจ้งยืนยันการพิจารณาคืนเงินไปแล้วครั้งหนึ่ง
และเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ทางนายปิเตอร์ สเวเคไนอัค และ น.ส.จุฬาธร เซเกอร์ ได้นำเอกสารหลักฐานการโอนเงินมัดจำ จำนวน 23,431,063.45 บาท เจตนาเข้าแจ้งความและจัดแถลงข่าวที่กองปราบปรามกล่าวหาว่าทางบริษัทฯ ผิดสัญญาโกงเงินมัดจำไปเป็นจำนวนเงิน 23 ล้านบาท ซึ่งบุคคลทั้งสองมิได้นำสัญญา และคำสั่งซื้อทั้งหมดมาแถลงว่าความเป็นจริงเงินมัดจำที่จะต้องจ่ายตามสัญญา และตามคำสั่งซื้อนั้นรวมทั้งสิ้นเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ และเลี่ยงที่จะกล่าวถึงสาระสำคัญของสัญญา ซึ่งมิได้ปฏิบัติตามที่ตกลงต่อบริษัทฯ โดยหยิบยกเฉพาะประเด็นว่าบริษัทฯ ฉ้อโกง ซึ่งเป็นการกล่าวหา และให้ข่าวไม่เป็นไปตามความเป็นจริงหรือข้อเท็จจริงทั้งหมด เป็นการทำลายภาพลักษณ์ทั้งในระดับสากลและชื่อเสียงของบริษัทฯ มีผลกระทบทำให้บริษัทฯ ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกเกลียดชัง และที่สำคัญ ทำให้ลูกค้าของบริษัทฯ ขาดความเชื่อมั่นในบริษัทฯ บริษัทฯ จึงขอสงวนสิทธิ์ในการคืนเงินมัดจำดังกล่าวจนกว่าการดำเนินคดีฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเป็นอันยุติและคดีถึงที่สุดเสียก่อน
นางสาววารินทิพย์ กล่าวอีกว่า บริษัทฯ ขอยืนยันว่าบริษัทจัดตั้งขึ้นโดยถูกต้องตามกฎหมายเพื่อประกอบธุรกิจการค้าอย่างสุจริต เป็นไปตามหลักการค้าขายทั่วไป ดังเห็นได้ว่าบริษัทฯ ได้รับใบรับรอง Certificate จากหน่วยงานต่างๆ เช่น SATRA bsi. FDA, FDA USA, ISO 9001: 2015, ISO 13485: 2016 และบริษัทฯ ได้สร้างโรงงานมีฐานการผลิต มีที่ตั้งอย่างชัดเจน และที่สำคัญบริษัทฯ ยังได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุน (BOI) จากสำนักคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เลขที่ 63-1273-1-21-1-0 ลงวันที่ 18 พฤศจิกายน 2563 ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐให้การสนับสนุนในการประกอบกิจการดังกล่าว จึงเป็นที่ยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าบริษัทฯ มีตัวตนและประกอบธุรกิจการค้าโดยสุจริต และ บริษัทฯ ก็ยังทำการค้าโดยการนำเข้าและส่งออกสินค้าถุงมือยางมาโดยตลอดจนถึงบัดนี้
“ฉะนั้น การแถลงข่าวของบุคคลทั้งสองทำให้บริษัทฯ ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก บริษัทฯ จึงได้ไปดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับบุคคลทั้งสองในข้อหาหมิ่นประมาท โดยการโฆษณาไว้แล้วที่ สน.คันนายาว เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 และบริษัทฯ จะดำเนินคดีฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายจากบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป” นางสาววารินทิพย์ กล่าวสรุปในตอนท้าย
|