ทั้งนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายสร้างการเติบโตต่อเนื่องเพื่อก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรระดับประเทศ จากโครงการในมือและโครงการใหม่ๆ เพื่อผลักดันรายได้ปีนี้ให้แตะระดับ 5,000 ล้านบาท โดยในปัจจุบัน SA มียอดขายรอโอน (Backlog) กว่า 7,300 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ
2,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SA กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้บริษัทฯ จะเพิ่งเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมาไม่นาน แต่สามารถสร้างผลการดำเนินงานในปี 2563 ให้เติบโตได้อย่างโดดเด่น ท่ามกลางภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยบอร์ด SA มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานปี 2563 แบ่งเป็นการจ่ายจากหุ้นปันผลในอัตรา 15 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นปันผล หรือในอัตราหุ้นละ 0.067 บาท และจ่ายจากเงินสดในอัตรา 0.195 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 16 เมษายนนี้ และกำหนดจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 30 เมษายน 2564
นอกจากนี้ บอร์ดบริษัทฯ มีมติพิจารณาออกและเสนอขายตราสารหนี้เพิ่มอีกจำนวนไม่เกิน 3,000 ล้านบาท จากวงเงินเดิมไม่เกิน 2,000 ล้านบาท รวมเป็นวงเงินใหม่ไม่เกิน 5,000 ล้านบาท โดยจะมีการขออนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น (AGM) ประจำปี 2564 ซึ่ง SA ได้เตรียมจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM) ในวันที่ 2 เมษายน ตั้งแต่เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมวันที่ 10 มีนาคม 2564
ด้านบทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” หุ้นบริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 9.25 บาท เนื่องจากมีความแตกต่างจาก Property Developer ทั่วไปในตลาด โดย SA เป็นผู้โครงการพัฒนาอสังหา Branded Residence รายใหญ่สุดและน่าจะเป็นรายเดียวในประเทศไทยที่นำเสนอ Branded Residence ให้กับผู้ที่ต้องการลงทุนและผู้ที่ต้องการที่พักอาศัยในราคาที่จับต้องได้ ส่งผลให้บริษัทฯ มีความสามารถการทำกำไรสูง และมีแนวโน้มกำไรเติบโตสูงสวนทางกลุ่มฯ
ขณะที่ SA มีความสามารถสร้างรายได้ประจำเหมือนกลุ่ม Hospitality ทุกประการ ทั้งรายได้ค่าบริหารโรงแรม, ธุรกิจ MICE, รายได้จากร้านอาหาร และยังมีครัวกลางไว้ให้บริการ ทั้งหมดมาพร้อม Upside จากการ Unlock Value ในธุรกิจเหล่านี้ รวมทั้งประสบการณ์ธุรกิจก่อสร้างถูกนำมาปรับใช้เพื่อการบริหารต้นทุนที่ดีเลิศมีทีมก่อสร้างที่เชี่ยวชาญเริ่มตั้งแต่การออกแบบ งานโครงสร้างเพื่อ Maximize Efficiency ของพื้นที่ขายต่อพื้นที่อาคารให้ได้สูงถึง 60-65% เทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วไปของอาคาร High Rise ที่ 50-60% ซึ่งจุดแข็งนี้ได้แสดงผ่านอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงถึง 44% (ผลประกอบการ 9 เดือนในปี 2563 สูงเป็นอันดับต้นๆ ของกลุ่มอุตสาหกรรม) นอกจากนี้ยังมีทีมงานที่มีความสามารถในการหาซื้อทรัพย์สิน เช่น อาคารและที่ดินจาก AMC มาปรับปรุง หรือที่ดินติดสิ่งปลูกสร้างมาปรับพื้นที่ใหม่ และสามารถนำมาบริหารที่ดินจนเกิดประโยชน์สูงสุด
ส่วนอัตรากำไรมีแนวโน้มเติบโตสูง เนื่องจากมี Upside จาก Investment Property (IP) โดยบริษัทฯ มี Investment Property ในโครงการ Branded Residence จำนวนมากที่ใช้กลยุทธ์เก็บของดีไว้สร้างผลตอบแทนระยะยาวในภายหลัง ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่า IP ราว 8 พันล้านบาท พร้อมที่จะแปลงสภาพเป็น REITs โดยคาดการณ์กำไรปี 2564 - 2565 ไว้ที่ 630 และ 1,183 ล้านบาท คิดเป็น 0.57 และ 1.06 บาทต่อหุ้น ซึ่งกำไรที่เติบโตสูงนั้นจะมาจากการโอนโครงการ Siamese Exclusive Queens ที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นสูงเกิน 50% และยังมีโครงการ Siamese Rama 9 ที่มาร์จิ้นสูง เพราะทำพื้นที่ขายต่อพื้นที่อาคารได้สูงถึง 65% อีกด้วย
|