สำหรับตลาดเทรดสกุลเงินดิจิทัลในช่วงแรก ๆ เป็นที่รับรู้กันอย่างกว้างขวางว่าทำเงินมหาศาลให้กับนักลงทุนชาวไทย และได้สร้างเศรษฐีหน้าใหม่จากการลงทุนในด้านนี้ โดยเริ่มจากเดือนกันยายน ปี 2554 (2011) บิทคอยน์ 1 หน่วย มีมูลค่าถึง 4.82 $ หรือเท่ากับ 146 บาท หลังจากนั้น ประมาณ 9 ปี ต่อมา BTC ทะลุมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์มากกว่า 60,000 เหรียญสหรัฐ หรือเทียบเท่า 1.8 ล้านบาท นับว่าเป็นการเติบโตมากกว่า 1 ล้าน % เมื่อเทียบกับปี 2554
จากผลการศึกษาชุดพิเศษล่าสุดของ อิปซอสส์ (ประเทศไทย) ที่มีการสำรวจกับกลุ่มตัวอย่างกว่า 500 คน ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งอยู่ในช่วงโควิดระบาด รอบ 2 พบว่า “อายุ” เป็นปัจจัยสำคัญต่อการเลือกจับโอกาส ในขณะผู้หญิงมีความสนใจในการลงทุนในบิทคอยน์ไม่แพ้ผู้ชาย ผลการสำรวจพบว่า
68% ของคนทั้งประเทศมีความสนใจในบิทคอยน์ 20% ไม่สนใจในบิทคอยน์ 12% ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับบิทคอยน์
และมีจำนวนมากอยู่ระหว่างศึกษาดูความเป็นไปได้ในการเตรียมลงทุน ทำเงินต่อเงินผ่านช่องทางนี้ และเมื่อถามถึงความสนใจ เหตุผล และ ปัญหาในการอยากทำเงินจากตลาดเงินสกุลดิจิทัล นี้ รายงานการวิจัยพบว่า 3 อันดับเหตุผลแรกที่ทำให้คนไทยมีความสนใจต่อบิทคอยน์คือ
68% ของคนไทย สนใจที่จะ เทรดเงินสกุลบิทคอยน์เพราะต้องการผลกำไรที่รวดเร็ว 59% ต้องการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลเพิ่มขึ้น จึงตัดสินใจลงทุนในบิทคอยน์ 42% มีเป้าประสงค์การลงทุนเพื่อสร้างรายได้ระยะยาว
นอกจากนั้นยังพบถึงมุมมองที่แตกต่างคนคนไทยในแต่ละกลุ่มช่วงอายุ โดยคนไทยอายุ 18-29 ปี เป็นกลุ่มที่สนใจในบิทคอยน์สูงที่สุด แต่ขาดเงินทุนที่เป็นเงินเย็น ส่วนกลุ่มช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป ในจำนวนครึ่งต่อครึ่ง ขาดความรู้และไม่มั่นใจในระบบ
นายอิษณาติ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า จากรายงานการวิจัย ได้ทำการศึกษาในส่วนของ “เพศ” และ “อายุ” โดยผลการศึกษาพบว่าผู้หญิงไทยมีความสนใจในบิทคอยน์ไม่น้อยกว่าผู้ชายไทย โดยมีแนวโน้มในการติดต่อข่าวสารมากกว่าผู้ชายไทยด้วย นอกจากนั้นยังพบถึงมุมมองที่แตกต่างคนคนไทยในแต่ละกลุ่มช่วงอายุ
โดยมีทำการศึกษาผู้สนใจในระดับ 4 ช่วงอายุ คือ อายุ 18 – 29 ปี มีความสนใจและต้องการสูง แต่มีข้อจำกัดด้านเงินทุน อายุ 30 – 39 ปี นอกจากจะสนใจในผลกำไร ยังสนใจเพื่อการลงทุนระยะยาว ขณะที่อายุ 40 – 49 ปี เหตุผลหลักที่ไม่สนใจที่จะลงทุนด้านนี้เนื่องจากมีความรู้ไม่มากพอ และกลุ่มอายุ 50 ปีขึ้นไป ไม่สนใจและไม่มีความรู้สึกอยากจะศึกษาบิทคอยน์เพิ่มเติม ซึ่งมีความแตกต่างกันไปในเหตุผลและวิธีคิด ดังนี้
กลุ่มคนอายุ 18 – 29 ปี
เป็นกลุ่มที่ให้ความสนใจลงทุนในบิทคอยน์มากที่สุด โดยมากถึง 40% ของคนรุ่นใหม่สนใจที่จะลงทุนแม้ไม่เคยลงทุนมาก่อน และพบอีกว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่มีแนวโน้มที่จะบอกต่อความสนใจที่ตนมีในสกุลเงินดิจิทัลต่อเพื่อน และคนในครอบครัว มากกว่าคนในช่วงวัยอื่นยิ่งกว่านี้ กว่า 82% มองว่าการลงทุนดังกล่าวเป็นสิ่งที่ดีต่อคนรอบตัว แต่ความคิดเห็นในเชิงบวกนี้อาจไม่ส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนจริงเนื่องด้วยปัญหาและข้อจำกัดด้านเงินทุน โดยกว่า 37% ของคนในช่วงอายุดังกล่าว ติดปัญหาการขาดเงินเย็นสำหรับการลงทุน
กลุ่มคนอายุ 30 - 39 ปี จากการศึกษาพบว่า 32% ของคนกลุ่มนี้สนใจลงทุนในบิทคอยน์ โดยนอกจากการหวังผลกำไรแล้ว กว่า 42% ยังสนใจลงทุนในระยะยาว และใช้ผลตอบแทนเป็นเงินทุนสำหรับชีวิตในวัยเกษียณ
กลุ่มคนอายุ 40 - 49 ปี
จำนวน 28% ของคนกลุ่มนี้ไม่สนใจที่จะลงทุน เนื่องจากขาดความเข้าใจในการทำงานของบิทคอยน์ ที่แตกต่างจากระบบการเงินแบบรวมศูนย์ (centralized monetary system) ที่มีธนาคารเป็นศูนย์กลางข้อมูลทางการเงินของลูกค้า และถูกควบคุมโดยธนาคารกลางของประเทศ ซึ่งผู้ลงทุนส่วนใหญ่มีความคุ้นเคยกับระบบดังกล่าวเป็นอย่างดี
กลุ่มคนอายุ 50 ปีขึ้นไป
ในกลุ่มนี้มีคนถึง 45% ที่ไม่เคยลงทุน และไม่สนใจที่จะศึกษาหรือลงทุน ในบิทคอยน์ โดยมีจำนวนถึง 4% ที่ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับบิทคอยน์เลย
สภาวะการแข่งขันของแต่ละค่ายสกุลเงินดิจิทัล บิทคัพ (Bitkub) นำห่าง ตามด้วย ไบแนนซ์ (Binance) และ สตางค์โปร (Satang Pro)
“บิทคับ” กระดานเทรดสัญชาติไทย ครองตลาดด้วยจำนวนผู้ลงทุนและเคยลงทุนกว่า 72% ผ่านการใช้กลยุทธ์การตลาดเพื่อสร้างการรับรู้ในตัวแบรนด์ พร้อมนำเสนอผลตอบแทนที่น่าดึงดูดใจ เพื่อชักชูงนักลงทุนรายใหม่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคได้ในวงกว้าง ตามหลังด้วย “ไบแนนซ์” กระดานเทรดเงินดิจิทัลที่มีเครือข่ายทั่วโลกและรองรับสกุลเงินต่าง ๆ มากมายรวมถึงเงินบาท ดึงดูดให้นักลงทุนให้สามารถเข้ามาซื้อขายแลกเปลี่ยนภายในแพลตฟอร์มได้โดยมีจำนวนผู้ลงทุนและเคยลงทุนที่ 27% ซึ่งตามมาเป็นที่สอง และที่สามกับ “สตางค์โปร” กระดานเทรดสัญชาติไทยรายใหญ่ หนึ่งในพันธมิตรของไบแนนซ์ กระดานเทรนระดับโลก โดยสตางค์โปรมีจำนวนผู้ลงทุนและเคยลงทุนอยู่ที่ 13%
โดยแม้ในภาพรวมการเทรดบิทคอยน์จะดูคึกคักทั้งในมุมนักเทรดและผู้ให้บริการกระดานเทรด กระนั้นแล้วอุปสรรคที่ขัดขวางการเติบโตของตลาดก็ยังคงอยู่ ทั้งการขาดเงินทุนในการลงทุนที่พบมากในกลุ่มคนรุ่นใหม่ การขาดความรู้ความเข้าใจในเกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อคเชน และความไม่มั่นใจในความเสี่ยงและความมั่นคงของการลงทุนในลักษณะนี้ อย่างไรก็ตามผลการศึกษาได้เผยให้เห็นว่าถึงแม้จะมีความไม่นอนนอนและความเสี่ยงต่างๆตามที่ได้กล่าวมาเบื้องต้น 42% ของชาวไทยที่มีความสนใจในบิทคอยน์ก็ยังมีแผนที่จะลงทุนในบิทคอยน์ภายใน 1 ปี จึงกล่าวได้ว่าตลาดของบิทคอยน์สำหรับคนไทยนั้นคงไม่หายไปในเร็ววันนี้แน่นอน
|