ทั้งนี้ตามพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พ.ศ. 2559 ประกอบกับข้อ 7 ของข้อบังคับ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ว่าด้วยเครื่องแบบนักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พ.ศ. 2560 โดยประกาศนี้มีผลบังคับใช้ 29 พ.ค. นี้ หรือนับตั้งแต่วันถัดจากประกาศเป็นต้นไป ดังนี้
1.ให้นักศึกษามีสิทธิแต่งกายด้วยเครื่องแบบนักศึกษาที่ใช้เป็นปกติ ในข้อบังคับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ว่าด้วยเครื่องแบบนักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พ.ศ. 2560 ตามเพศสภาพ หรือเพศภาวะหรืออัตลักษณ์ทางเพศของตนได้
2.นักศึกษายังมีสิทธิแต่งกายด้วยเครื่องแบบนักศึกษาในงานพิธี เช่น การรับปริญญา ประกาศนียบัตรดุษฎีบัณฑิต และประกาศนียบัตรมหาบัณฑิต ในข้อบังคับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ว่าด้วยเครื่องแบบนักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พ.ศ.2560 ตามเพศสภาพหรือเพศภาวะ หรืออัตลักษณ์ทางเพศของตนได้
3.นักศึกษามีสิทธิแต่งกายด้วยเครื่องแบบนักศึกษาเฉพาะกรณี เว้นแต่การแต่งกายของนักศึกษาในรายวิชาปฏิบัติการให้เป็นไปตามข้อกำหนดการแต่งกายของคณะนั้นๆ เช่น คณะแพทยศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ และคณะทันตแพทยศาสตร์ เป็นต้น
กรณีที่มิได้กำหนดไว้ หรือที่กำหนดไว้ไม่ชัดเจนในประกาศนี้ หรือในกรณีที่มีความจำเป็นต้องผ่อนผันข้อกำหนดในประกาศนี้เป็นกรณีพิเศษ ให้อธิการบดีมีอำนาจตีความวินิจฉัยและให้ถือเป็นที่สุด สำหรับการแต่งเครื่องแบบนักศึกษาชายและนักศึกษาหญิงให้เป็นไปตามภายใต้ระเบียบของทางมหาวิทยาลัยกำหนด ในกรณีที่เครื่องแบบนักศึกษาหญิงที่ประสงค์จะใช้ผ้าคลุมศีรษะต้องเป็นผ้าคลุมสีขาวเกลี้ยง ไม่มีลวดลาย
ทั้งนี้ การประกาศดังกล่าวตอกย้ำ ม.อ. ให้ความสำคัญสิทธิเสรีภาพความเท่าเทียมทางเพศและสิทธิของความเป็นมนุษย์มิให้เกิดการเลือกปฏิบัติ โดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ
ผศ.สุพจน์ โกวิทยา รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) กล่าวว่า ก่อนหน้านี้นักศึกษาได้ยื่นเรื่องให้ทางมหาวิทยาลัย เพื่อพิจารณาแก้ไขและเปลี่ยนแปลงข้อมูลบนบัตรประจำตัวนักศึกษา เพื่อให้มีความเท่าเทียมทางเพศ โดยเสนอแนะให้ยกเลิกคำนำหน้าชื่อบนบัตรประจำตัวนักศึกษาและภาพถ่ายนักศึกษา ตลอดจนสามารถแต่งเครื่องแบบนักศึกษาตามเพศสภาพซึ่งไม่ตรงกับเพศกำเนิดนั้น ทางมหาวิทยาลัยได้ดำเนินการในส่วนของบัตรประจำตัวนักศึกษา โดยไม่มีการระบุคำนำหน้าชื่อของนักศึกษาแล้ว นอกจากนี้ยังมีแผนจัดทำห้องน้ำสำหรับนักศึกษาเพศที่ 3 เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก และสร้างความสบายใจแก่นักศึกษา
“เพศสภาพถือเป็นเรื่องปกติทั่วไปในสังคม โดยกฏหมายอนุญาตให้ดำเนินการและกระทำได้ ซึ่งในฐานะที่มหาวิทยาลัยเป็นหน่วยงานราชการ ต้องเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติตามกฏหมายในการให้สิทธิความเท่าเทียมกันของบุคคล ซึ่งนักศึกษาทุกคนมีศักดิ์ศรีและความเป็นมนุษย์เท่ากัน อีกทั้งนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยจะกลายเป็นบุคลากรที่มีศักยภาพในตลาดแรงงาน การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้นักศึกษากลุ่มนี้สามารถใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยได้โดยไม่มีความกดดัน มีอิสระเสรีในการแสดงออกจึงเป็นสิ่งที่ควรกระทำ เพื่อส่งเสริมความพร้อมรอบด้านทั้งวิชาการ ร่างกายและจิตใจให้แข็งแกร่ง” ผศ.สุพจน์ กล่าว
|