โปรแกรมการประชุมนี้ ประกอบด้วย: 2 Keynotes, 81 ผลงานการนำเสนอทั่วไป, 3 Working groups, 4 Workshops และ 8 Roundtables ซึ่งโดยรวมทั้งหมดมีการนำเสนอผลงานทั้งหมด 98 ผลงาน โดยนักวิชาการจำนวนมากกว่า 150 ท่าน จากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกจำนวน 27 ประเทศ ที่เข้าร่วมในการประชุมออนไลน์ครั้งนี้
ปาฐกถาพิเศษ คนที่ 1 โดย ดร.ไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการอิสระ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) โดยจะบรรยายในหัวข้อ “TRANSFORMING THE EDUCATIONAL CONTEXT FOR THAILAND IN THE NEW NORMAL ERA”
ปาฐกถาพิเศษ คนที่ 2 โดย ศาสตราจารย์ ดร. โยฮันนา อันนาลา (Johanna ANNALA) อาจารย์อาวุโสจากคณะศึกษาศาสตร์และวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยตัมเปเร่ ประเทศฟินแลนด์ โดยจะบรรยายในหัวข้อ “Academics AS CURRICULUM CREATORS IN HIGHER EDUCATION”
ศ. ดร.สุพจน์ เตชวรสินสกุล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้กล่าวถึงการประชุมวิชาการ CDIO ครั้งที่ 17 นี้ว่า “การระบาดใหญ่ของ COVID-19 มีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของเราทุกคน เช่นเดียวกับการศึกษาที่เป็นองค์ประกอบสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ และเมื่อยุคที่มีแพลตฟอร์มการจัดการเรียนรู้มากขึ้น อาจารย์ผู้สอนจะต้องปรับวิธีการสอนของตนเองเพื่อส่งเสริมให้นักศึกษาสามารถเรียนรู้ได้อย่างเข้าถึงแก่นแท้ ขณะเดียวกันนิสิตก็เตรียมความพร้อมอุปกรณ์ และสัญญาณการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสำหรับการเรียนออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นเรื่องที่แน่นอนว่า สถานการณ์เช่นนี้สามารถก่อทำให้เกิดสภาวะความเครียดต่ออาจารย์รวมถึงนิสิตได้ และผลเสียเหล่านี้เป็นข้อกังวลที่เป็นประเด็นสำคัญให้กับผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ทางด้านวิชาการทุกคนต้องเผชิญ ทั้งนี้ การประชุมนานาชาติ CDIO ครั้งที่ 17 ภายใต้หัวข้อ “Re-imagining Engineering Education for the New Normal” เป็นกิจกรรมงานประชุมที่คณาจารย์ทุกคนสามารถแบ่งปันประสบการณ์ในฐานะนักวิชาการด้านการศึกษา การประชุมครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมจะได้ทราบถึงการประยุกต์ใช้การจัดการเรียนรู้ตามกรอบแนวคิดการจัดการศึกษาแบบซีดีไอโอ ในช่วงสถานการณ์ปัจจุบัน และเปลี่ยนผ่านไปสู่ความปกติแบบใหม่ได้อย่างไร อีกทั้งการเรียนรู้ร่วมกันในช่วงหลังวิกฤตการณ์โดยที่สถาบันอุดมศึกษาก็ต้องมีการปรับตัว รวมถึงจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเองก็เช่นกัน ที่เล็งเห็นความสำคัญและพร้อมที่จะสนับสนุนคณาจารย์ นิสิต และบุคลากรทางวิชาการ ในการเรียนรู้ถึงกรอบการจัดการการเรียนรู้แบบ CDIO และรวมถึงการปรับปรุงแพลตฟอร์มและโครงสร้างพื้นฐานด้านวิชาการ เพื่อให้มีความพร้อมทันกาลสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา”
ผศ. ดร.สมหมาย ผิวสอาด อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี กล่าวเสริมถึงประเด็นเรื่อง “ความร่วมมือระหว่างประเทศและการสร้างเครือข่ายนั้นเป็นสิ่งจำเป็นในการจัดการกับปัญหาท้าทายระดับโลก จึงทำให้มีความสนใจที่จะให้ความร่วมมืออย่างแข็งขันในการทำงานร่วมกันระหว่างประเทศในทุกศาสตร์สาขาวิชา โดยที่มีการมุ่งเป้าไปที่การจัดการกับความท้าทายของการศึกษาและการวางตำแหน่งเครือข่ายของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลให้เป็นสถาบันระหว่างประเทศที่มีการแข่งขันสูง การทำงานกับมหาวิทยาลัยนานาชาติถือเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุดของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ทั่วโลก หลักการซีดีไอโอ (CDIO) เป็นแบบอย่างในการพัฒนาสถาบันการศึกษาและสร้างหลักสูตรที่จะช่วยยกระดับศักยภาพของบัณฑิต ส่งเสริมทักษะที่จำเป็นในการทำงานและเท่าทันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี นอกจากนี้ยังมีบทบาทสำคัญที่ผลักดันให้สถาบันการศึกษาพยายามอย่างเต็มที่ในการจัดการกับความท้าทายในการศึกษาภายใต้ความปกติใหม่ ทั้งนี้มหาวิทยาลัยมีความมั่นใจในความพยายามและมุ่งมั่นยกระดับการศึกษาให้ทันต่อความท้าทายของยุคสมัย บังเกิดผลทำให้สามารถผลิตบัณฑิตที่มีศักยภาพและคุณภาพ ซึ่งเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญต่อความเจริญรุ่งเรืองและยั่งยืนของประเทศไทย
|