พิสิฐชัย เตชะวิเศษ นักศึกษาปริญญาตรีคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ลักษณะของดาวเทียมมิเนอร์วา (MINERVA) ประกอบด้วย คิวบ์ 6 อันต่อกัน มีขนาดเล็ก สูง 30 เซนติเมตร กว้าง 20 เซนติเมตร ทำด้วยวัสดุอลูมิเนียม น้ำหนักเบาประมาณ 10-12 กิโลกรัม ส่วนการเลือกสิ่งมีชีวิตที่จะเดินทางไปกับดาวเทียมนั้นจะเป็นหนอน C. elegans ซึ่งมีขนาดราว 1 มม. สำหรับเป็นโมเดลในการทดลอง เนื่องจากเป็นสัตว์ที่มีโครโมโซมใกล้เคียงมนุษย์ถึง 83% โดยการทดลองจะนำโปรตีน Dsup (Damage Suppressor Protein) ซึ่งเป็นโปรตีนเฉพาะที่มีอยู่ใน หมีน้ำ (Water Bears) หรือ ทาร์ดิเกรด สัตว์ขนาดจิ๋วที่นักวิทยาศาสตร์พบว่ามีความทนทานมากที่สุดในโลก โดยโปรตีน Dsup นี้ช่วยลดความเสียหายของ DNA ที่เกิดจากการโดนรังสี ทำให้หมีน้ำสามารถทนทานต่อรังสีได้มากกว่าสัตว์ชนิดอื่นๆ ถึง 1,000 เท่า ทีมวิศวะมหิดลจะนำมาทดลองในหนอน C. Elegans เพื่อให้ทนต่อรังสีอวกาศได้มากขึ้น หากประสบผลสำเร็จ ขั้นต่อไปจึงนำโปรตีน Dsup นี้มาทดลองกับมนุษย์ ซึ่งจะป้องกันมนุษย์รังสีอวกาศใช้ชีวิตในอวกาศได้อย่างปลอดภัยในอนาคต
MINERVA นั้นยังมีความพิเศษ เนื่องจากสามารถทำการทดลองกับสัตว์ที่มีชีวิตในดาวเทียมขนาดเล็ก ทางทีมมิเนอร์วาจึงมุ่งหวังให้แพลตฟอร์ม CubeSat จะเป็นประโยชน์ต่อภารกิจในอนาคตด้านวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิตในอวกาศ ซึ่งสามารถทำการทดลองในดาวเทียมขนาดเล็กภายใต้สภาพแวดล้อมของอวกาศได้
ดาวเทียมฝีมือคนรุ่นใหม่ของไทย ช่วยยกระดับองค์ความรู้และพัฒนากำลังคนสมรรถนะสูงในความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเวชศาสตร์อวกาศ และวิศวกรรมที่เกี่ยวเนื่อง...พลิกโฉมสร้างอนาคตแก่ประเทศไทย
|