จากผลการดำเนินงานดังกล่าว เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ประชุม (บอร์ด) จึงมีมติเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 เพื่อพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2564 ในอัตรารวม 0.48 บาทต่อหุ้น โดยก่อนหน้านี้บริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแล้ว 3 ครั้ง จากงวดผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2564 2/2564 และ 3/2564 ในอัตรา 0.13 บาทต่อหุ้น 0.12 บาทต่อหุ้น และ 0.11 บาทต่อหุ้นตามลำดับ คงเหลือที่จะต้องจ่ายเงินปันผลในครั้งนี้อัตรา 0.12 บาทต่อหุ้น เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ และจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 27 พฤษภาคม 2565
ทั้งนี้ ประเมินว่าในปี 2565 แนวโน้มตลาดบรรจุภัณฑ์ทั่วโลกจะฟื้นตัวและเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% หลังจากคาดการณ์ว่าสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 ในฝั่งยุโรปและอเมริกาได้ผ่านจุดเลวร้ายที่สุดไปแล้ว โดยประเทศแถบยุโรปเริ่มทยอยลดการบังคับใช้มาตรการต่าง ๆ ส่งผลให้ภาคธุรกิจ เช่น ร้านอาหาร ผับ บาร์ สามารถกลับมาเปิดให้บริการและประชาชนใช้ชีวิตได้ตามปกติ ซึ่งจะส่งผลดีการบริโภคสินค้าและความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น
“จากสถานการณ์ COVID-19 ในฝั่งยุโรปและสหรัฐฯ ที่เริ่มคลายความกังวล คาดว่าจะเห็นเทรนด์ดังกล่าวเกิดขึ้นตามมาในประเทศแถบเอเชีย ซึ่งจะส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จึงคาดการณ์ว่าภาพรวมเศรษฐกิจโลกจะทยอยฟื้นตัวและส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ อย่างไรก็ตามความท้าทายในปีนี้คือการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตเพื่อรับมือราคาวัตถุดิบและพลังงานที่เพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯได้เพิ่มสัดส่วนการใช้เศษแก้วในเตาหลอมเพื่อลดการใช้พลังงาน และเพิ่มประเภทพลังงานที่ใช้เพื่อกระจายความเสี่ยง รวมถึงนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมอุณหภูมิในเตาหลอมแก้ว ช่วยลดความสูญเสียของพลังงาน ส่งผลให้ประสิทธิภาพการผลิตปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นายศิลปรัตน์ กล่าว
|