ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นจากแผนกลยุทธ์ที่ได้วางไว้ โดยมุ่งเน้นเพิ่มความสามารถในการทำกำไรใน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ประกอบกับยังคงอยู่ในช่วงไฮซีซั่นธุรกิจที่มีปริมาณความต้องการขนส่งสินค้าปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศตลาดหลัก ได้แก่ สหรัฐฯ และ จีน ครอบคลุมการให้บริการขนส่งสินค้ากลุ่มมาร์จิ้นสูง อาทิ กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์, กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก
สำหรับปัจจัยเสริมด้านค่าระวางเรือที่ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง จากการปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน และ ความแออัดของท่าเรือ (Congestion) โดยบริษัทคาดว่าปัจจัยดังกล่าวจะยังคงส่งผลกระทบต่อเนื่องจนถึงกลางปี 65 ซึ่งถือว่าเป็นผลดีต่อบริษัท อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงบริหารจัดการตามแผนได้เป็นอย่างดีและสามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติเสนอจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.23 บาท สำหรับรอบปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 64 คิดเป็นจำนวนเงิน 149.94 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30.81% ของกำไรสุทธิ โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี (Record Date) และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ณ วันที่ 10 มีนาคม 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 13 พฤษภาคม 2565 โดยเตรียมขออนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2565 ในวันที่ 29 เมษายน 2565
พร้อมทั้งมีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจำนวน 66.50 ล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุนในคลังสินค้าแห่งใหม่ ภายใต้บริษัท ไวส์ ซัพพลายเชน โซลูชั่นส์ จำกัด (บริษัทย่อย) โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการและทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/65
“ทิศทางการดำเนินงานในปี 65 จะมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นในทุกธุรกิจ จากการให้บริการที่ครบวงจร และ การขยายโครงข่ายพันธมิตรการขนส่งครอบคลุมทุกเส้นทาง ซึ่งทั้งหมดอยู่ในแผนการดำเนินงานที่วางไว้ โดยคาดว่าจะสามารถสร้างการเติบโตของรายได้ที่ 20% หรือประมาณ 9,000 ล้านบาท” นายชูเดช กล่าวเพิ่มเติม
|