“การพัฒนานักเรียนของเราในวันนี้ให้มีพื้นฐานทักษะแห่งอนาคต (Future Skills) จะช่วยให้พวกเขามีที่ยืนในโลกอนาคต ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และเข้าถึงศักยภาพสูงสุดของตนเองได้ โดยจุดเริ่มต้นสำคัญคือการปลูกฝังอุปนิสัยที่รักการเรียนรู้ตลอดชีวิต มีความมั่นใจในการใช้เทคโนโลยี มีความสามารถในการสื่อสารและทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี มีทักษะการคิดเชิงวิพากษ์และมีความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงเข้าใจกระบวนการแก้ปัญหาโดยมีผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง SEAC ยังคงเดินหน้าพัฒนาการเรียนการสอนด้วยหลักสูตรของ Code School Finland ด้วยการประสานความร่วมมือกับโรงเรียนไทยทั่วประเทศต่อไป ซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งในการตอกย้ำวิสัยทัศน์ Empowering Lives Through Learning ของซีแอค ที่มุ่งยกระดับศักยภาพคนและองค์กรผ่านการเรียนรู้ และการสร้างอิมแพ็คให้เกิดขึ้นจริง ทั้งในระดับสังคมและระดับประเทศ พร้อมเดินหน้ามุ่งสู่เป้าหมายอัพสกิลคนไทยมากกว่า 1 ล้านคน ภายในปี 2568 อีกด้วย” อริญญากล่าว
นางไคซู พัลลาสกัลลิโอ (Ms. Kaisu Pallaskallio) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของสถาบัน Code School Finland กล่าวว่า “รูปแบบของการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นความรู้ด้านวิธีการสอน (Pedagogical Model) ของ Code School Finland ได้รับการพิสูจน์แล้วถึงผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยมต่อผู้เรียน ในประเทศสวีเดน สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น และอื่นๆ การสร้างทักษะแห่งอนาคต คือ การสอนให้นักเรียนมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งในด้านการคิดเชิงคำนวณ (Computational Thinking) โดยเข้าใจถึง 3 องค์ประกอบที่สำคัญ คือการเขียนโปรแกรม (Coding) ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และวิทยาการหุ่นยนต์ (Robotics) รวมไปถึงมีทักษะที่ดีด้านการใช้คอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ผนวกรวมเข้ากับทักษะต่าง ๆ ที่จำเป็นแห่งอนาคต ทั้งการสร้างความร่วมมือ ความคิดสร้างสรรค์ การคิดเชิงวิเคราะห์และการคิดเชิงวิพากษ์ การแก้ไขปัญหา ทักษะการสื่อสารและการคิดอย่างผู้ประกอบการ จะช่วยให้นักเรียนของเราประสบความสำเร็จกับการทำงานในโลกอนาคต”
จุดเด่นที่เกิดจากความร่วมมือกันระหว่าง Code School Finland และ SEAC ประกอบด้วย
· ความหลากหลายของหลักสูตร ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI), วิทยาการหุ่นยนต์(Robotics) รวมไปถึงการเขียนโปรแกรม (Coding) นอกจากนั้น ยังมีการเสริมในเรื่องของทักษะและกรอบความคิดที่สามารถนำไปต่อยอดได้ในทุกเรื่อง เช่น ทักษะ 4Cs - Creativity, Critical Thinking, Communication และ Collaboration, ทักษะการออกแบบโดยเน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง, การพัฒนาซอฟท์แวร์ เป็นต้น
· มีหลักสูตรที่ครอบคลุมทุกช่วงอายุ ตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาไปจนถึงมัธยมศึกษา
· มีการออกแบบการเรียนการสอนที่โดดเด่น โดยเน้นการเรียนรู้ผ่านการทำโครงงาน (Project-based) และการเรียนรู้ร่วมกันของผู้เรียน (Collaborative learning)
· ให้ความสำคัญกับการพัฒนาความสามารถของครู/อาจารย์ผ่านการฝึกอบรมที่มีประสิทธิภาพ ทั้งด้านวิธีการสอนและการสร้างบทเรียน
· ช่วยผู้สอนให้สามารถสอนหลักสูตรเหล่านี้ ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานมาก่อน
· ไม่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีระดับสูงในการเรียน อาศัยเพียงเครื่องคอมพิวเตอร์และสัญญาณอินเตอร์เน็ต
· หลักสูตรได้รับการประเมินและรับรองจากสถาบันระดับโลก
· มีทีมงานของ SEAC ที่ได้รับการรับรองจาก Code School Finland และมีความเชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษา
หลักสูตร Code School Finland ที่เปิดตัวในประเทศไทย ประกอบด้วย
· หลักสูตร Code and Create - ระดับเริ่มต้น สำหรับนักเรียนอายุ 9 ปีขึ้นไป ไม่จำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐาน โดยใช้โปรแกรม Scratch เป็นสื่อการสอนหลัก มุ่งเน้นผลลัพธ์ให้เกิดความเข้าใจแนวคิดและฝึกฝนทักษะการเขียนโปรแกรมเบื้องต้น สามารถสร้างเรื่องราวที่ตัวละครมีการตอบโต้กัน (Interactive Story) และสร้างเกมส์ในระดับพื้นฐาน (Simple Game) ได้
· หลักสูตร Develop and Test - ระดับกลาง สำหรับนักเรียนอายุ 11 ปีขึ้นไป ต้องมีความรู้พื้นฐานด้าน Code & Create หรือเทียบเท่า ใช้โปรแกรม Scratch เป็นสื่อการสอนหลัก มุ่งเน้นผลลัพธ์ให้เกิดความเข้าใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการออกแบบเกมส์ สามารถสร้างเกมส์เพื่อการเรียนรู้และแอปพลิเคชันโต้ตอบกับผู้ใช้งานได้
· หลักสูตร Solutions and Syntax – ระดับกลาง สำหรับนักเรียนอายุ 14 ปีขึ้นไป ต้องความรู้พื้นฐาน Code & Create และ Develop & Test หรือเทียบเท่า ใช้โปรแกรม Python เป็นสื่อการสอนหลัก มุ่งเน้นผลลัพธ์ให้ผู้เรียน เข้าใจความจำเป็นของการแก้ปัญหาในโลกเทคโนโลยี สามารถสร้างโปรแกรมที่มีประโยชน์ใช้งานง่ายและสร้างระบบสั่่งการอัตโนมัติของหุ่นยนต์ได้ด้วยโปรแกรม Python
ทั้งนี้ ในการบริการการเรียนการสอนหลักสูตร Code School Finland ในโรงเรียนไทยต้นแบบทั้ง 12 แห่ง SEAC จะคอยดูแลให้ความช่วยเหลือและโค้ชทีมผู้ฝึกสอนระหว่างการฝึกอบรม และการวางแผนหลักสูตร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ โดยช่วยเหลือครูผู้สอนให้เข้าใจการส่งต่อความรู้และประสบการณ์ ช่วยเหลือนักเรียนโดยแลกเปลี่ยนพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ได้รับเป็นประจำทุกภาคเรียน ตลอดจนเสริมสร้างความสัมพันธ์กับผู้ปกครอง เพื่อสร้างผลลัพธ์สูงสุดจากการเรียนรู้หลักสูตร
|