นอกจากนี้ DJI Mini 3 Pro ยังเป็นสุดยอดผลงานออกแบบที่ปรับปรุงประสิทธิภาพหลายด้าน ทั้งแขนและใบพัดที่ปรับเปลี่ยนเพื่อให้การบินเป็นไปตามหลักอากาศพลศาสตร์มากขึ้น ช่วยเพิ่มระยะเวลาในการบิน และยังเป็นโดรนติดกล้องรุ่นแรกใน DJI Mini Series ที่มีระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวางแบบสามทิศทาง ประกอบด้วยเซ็นเซอร์ภาพด้านหน้า ด้านหลัง และด้านล่าง โดยเซ็นเซอร์ด้านหน้าและด้านล่างมีขอบเขตการมองเห็นที่กว้างขึ้น ช่วยให้การวางแผนเส้นทางและการรับรู้ถึงสภาพแวดล้อมดีอย่างไร้รอยต่อ ทั้งนี้ เซ็นเซอร์มีระบบ Advanced Pilot Assistance Systems (APAS) 4.0 ซึ่งจะตรวจหาเส้นทางที่อยู่ท่ามกลางสิ่งกีดขวางได้ดีขึ้นโดยอัตโนมัติในระหว่างการบิน [] นอกจากนี้ เซ็นเซอร์ยังใช้งานชุด FocusTrack แบบครบวงจร ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกวัตถุที่โดรนจะเล็งไว้ภายในกึ่งกลางเฟรมโดยอัตโนมัติในระหว่างการบิน ในขณะที่ทำการวางแผนเส้นทางการบินที่ปลอดภัยโดยอัตโนมัติเช่นกัน ซึ่ง DJI Mini 3 Pro เป็นมินิโดรนรุ่นแรกที่รวม APAS และ FocusTrack ไว้ในตัว
DJI Mini 3 Pro มาพร้อมกับระบบการถ่ายภาพที่ปรับปรุงใหม่ทั้งหมด ทั้งเซ็นเซอร์กล้อง CMOS ขนาด 1/1.3 นิ้ว มี Native ISO แบบคู่ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการถ่ายภาพที่เดิมมีเฉพาะในโรงภาพยนตร์และกล้องไมโครเดี่ยวบางรุ่นเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีรูรับแสง f/1.7 และถ่ายภาพได้สูงสุดที่ 48MP และวิดีโอสูงสุดที่ 4K/60fps ที่สามารถถ่ายทำคอนเทนต์คุณภาพสูงและอัปโหลดได้ง่าย กล้องจะหมุน 90 องศาเพื่อการถ่ายภาพแนวตั้งด้วย True Vertical Shooting รวมทั้งสร้างสรรค์ภาพถ่ายและวิดีโอตามจินตนาการในแนวตั้งโดยไม่ต้องซูมภาพซึ่งทำให้คุณภาพลดลง เพื่อให้รายละเอียดภาพที่สดใสที่สุด การบันทึกวิดีโอ HDR ให้คุณเลือกอัตราเฟรมได้สูงสุดถึง 30fps และ True Vertical Shooting จะหมุนกล้อง 90 องศาเพื่อถ่ายคอนเทนต์โซเชียลมีเดียคุณภาพสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มีโปรไฟล์สีให้ใช้สำหรับการแก้ไขในแอปอย่างรวดเร็ว และ D-Cinelike สำหรับการแก้ไขได้อย่างหลากหลายมากขึ้นในภายหลัง ช่วงการซูมวิดีโอแบบดิจิทัลสูงสุดถึง 2 เท่ามีให้เลือกในแบบ 4K, 3 เท่า ในแบบ 2.7K และ 4 เท่าในแบบ Full HD นอกจากนี้ ด้วยความคิดเห็นจากผู้ใช้งาน เรายังได้ปรับปรุงประสิทธิภาพของภาพจาก DJI Mini 3 Pro ด้วยพิกเซลขนาด 2.4μm ที่จับภาพได้ละเอียดมากขึ้น เหมาะกับการถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยและตอนกลางคืน
แม้ DJI Mini 3 Pro จะมีน้ำหนักไม่ถึง 249 กรัม แต่สามารถบินได้นานสูงสุดถึง 34 นาที เพื่อให้สามารถเก็บภาพภูมิทัศน์และจุดหมายปลายทางได้มากขึ้นด้วยการชาร์จเพียงครั้งเดียว นอกจากนี้ เรายังสร้างประวัติศาสตร์ด้วย “Intelligent Flight Battery Plus” แบตเตอรี่สำหรับโดรนที่ช่วยให้บินได้นานสุด 47 นาที ซึ่งเป็นความสามารถที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับโดรนที่มีขนาดเท่านี้ [] ที่สามารถทำงานควบคู่กันอย่างลงตัวกับระยะเวลาการบินที่นานขึ้น นอกจากนี้ DJI Mini 3 Pro ยังขยายระบบการส่งกำลัง O3 ซึ่งให้มุมมอง 1080p ที่คมชัดจากระยะไกลสุดถึง 12 กม.[]
ทั้งนี้ DJI Mini 3 Pro สามารถใช้ร่วมกับ DJI RC รีโมทคอนโทรลน้ำหนักเบาพร้อมหน้าจอสัมผัสในตัวขนาด 5.5 นิ้ว [] และแอปพลิเคชั่น DJI Fly ทำให้ผู้ใช้ไม่จําเป็นต้องต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับตัวควบคุม เพิ่มอิสระในการบังคับการบินโดรน รวมทั้งมีอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ครบครัน เพื่อเพิ่มศักยภาพการใช้งานได้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ DJI ยังได้ร่วมกับ SkyPixel ออนไลน์คอมมูนิตี้ชั้นนำระดับโลกของช่างภาพและช่างวิดีโอที่ชื่นชอบการถ่ายภาพทางอากาศ ได้จัดแคมเปญพิเศษถึง 2 แคมเปญ โดยแคมเปญแรกทาง SkyPixel Product Tryout program จะเป็นผู้คัดสรรนักบินโดรนจากทั่วโลกได้ทดลองบินและถ่ายภาพด้วย DJI Mini 3 Pro เพื่อถ่ายทอดจินตนาการภาพสู่โลกกว้าง พร้อมโอกาสชิงรางวัล และแคมเปญที่สอง คือ การประกวด Mini 3 Pro Creative Content Challenge เพื่อเฟ้นหาภาพถ่ายและวิดีโอที่เยี่ยมที่สุดจากการบินโดรนจาก DJI Mini 3 Pro ชิงรางวัลพิเศษจาก DJI โดยศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.skypixel.com
ด้าน นายจอห์นนี่ เลียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอซูรี อินโนเวชั่น เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ลูกค้าที่สนใจสามารถเข้าชม DJI Mini 3 Pro และสั่งจองล่วงหน้าได้ ซึ่งเราจะสามารถจัดส่งได้เร็วที่สุดจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคมนี้ ซึ่งเป็นเพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น หลังจากการเปิดตัวทั่วโลก ที่คนไทยจะเป็นเจ้าของสุดยอดนวัตกรรมโดรนติดกล้อง DJI Mini 3 Pro นำเทรนด์เทคโนโลยีก่อนใคร”
|