จากรายงาน UOB Business Outlook Study 2024 พบว่า การนำแนวทางปฏิบัติ ESG (Environment, Social, Governance) มาใช้ในไทย นับเป็น 1 ใน 5 ลำดับความสำคัญทางธุรกิจที่องค์กรให้ความสำคัญอย่างมากในช่วง 1 - 3 ปีข้างหน้า โดยธุรกิจ 3 ใน 10 ระบุว่า จำเป็นต้องมีการสนับสนุนมากขึ้น ในส่วนของการเชื่อมโยงองค์กรอื่นๆ ในภาคอุตสาหกรรม รวมไปถึงการปรับใช้มาตรฐาน ESG แนวทางปฏิบัติในการลดปล่อยก๊าซคาร์บอน
คุณบัลลังก์ ว่องธวัชชัย Head of Digital Engagement and FinTech Innovation ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวถึงปัญหาโลกร้อนที่ส่งผลให้องค์กรต่างๆ ทั่วโลก จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางธุรกิจ และการดำเนินงานเพื่อมุ่งสู่ความยั่งยืน ซึ่งจากผลการสำรวจ UOB Business Outlook Study พบว่า องค์กรธุรกิจโดยทั่วไป มองว่า การปรับใช้แนวทางความยั่งยืน คือ ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่ดีกับองค์กรร้อยล่ะ 56 ช่วยดึงดูดนักลงทุนร้อยล่ะ 50 และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในการทำงานร่วมกับองค์กรขนาดใหญ่ร้อยล่ะ 42
ธุรกิจ SMEs ตระหนักมากขึ้นถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว ดังนั้น จึงได้ผุดโครงการ SIP ที่ประกอบด้วย 3 โมดูลหลัก อาทิ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI), PwC ประเทศไทย, องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.), จุฬาลงการณ์มหาวิทยาลัย และ โครงการยั่งยืนนิยม จะมีการจัดงานร่วมกันในวันที่ 29-30 พฤษภาคม 2567 ที่กรุงเทพฯ
โดยประกอบด้วยเวิร์คช้อปและมาสเตอร์คลาสที่ออกแบบมาสำหรับ SMEs ไทยที่ผ่านการคัดเลือกมากกว่า 200 ราย ซึ่ง SMEs ที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับความรู้และข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับกฎระเบียบด้านความยั่งยืน เครื่องมือวัดผล ตัวชี้วัดด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล หรือ ESG แนวทางปฏิบัติที่เหมาะสม และขั้นตอนการดำเนินการ เพื่อเริ่มต้นการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจสีเขียว
นอกจากโครงการ SIP แล้ว ยูโอบี ฟิน แล็บ ยังจัดทำโครงการสำหรับสตาร์ทอัพและบริษัทผู้ให้บริการโซลูชั่น เพื่อสิ่งแวดล้อม หรือ กรีนเทค ที่ชื่อว่า GreenTech Accelerator (GTA) 2024 ระยะเวลา 6 เดือนอีกด้วย โดยโครงการ GTA จะช่วยให้ผู้ให้บริการโซลูชั่นกลุ่มกรีนเทคได้พัฒนาโซลูชั่น เพื่อสามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงจาก SMEs ในอาเซียน และกรีนเทค ผู้ชนะจะได้รับเงินทุนสนับสนุน เพื่อนไปพัฒนาโครงการนำร่องในการแก้ปัญหาให้กับผู้ประกอบการ ด้วยการสนับสนุนเงินสูงถึง 100,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ สำหรับเทคโนโลยีสีเขียว หรือ กรีนเทค เพื่อนำร่องนวัตกรรมโซลูชั่นที่เหมาะสมและนำไปใช้งานได้จริงสำหรับธุรกิจต่างๆ
|