การพัฒนาทางการแพทย์ในยุคปัจจุบันก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยมีแนวโน้มสู่บริการ “การรักษาเฉพาะบุคคล” (Personalized Treatment) ซึ่งนับเป็นการรักษาสุขภาพของผู้เข้ารับบริการได้อย่างแม่นยำแบบเฉพาะเจาะจง เพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา ลดความเสี่ยงที่ไม่พึงประสงค์ และให้ประโยชน์สูงสุดแก่ผู้รับบริการ ซึ่ง “การลบรอยสัก” ก้าวเข้าสู่การรักษาเฉพาะบุคคลเช่นเดียวกัน เพราะนอกเหนือจากการใช้เลเซอร์เพื่อการลบรอยสักออกจากผิว ยังต้องคำนึงถึงสภาพผิวหนังและลักษณะทางร่างกายของแต่ละบุคคลอีกด้วย
นพ.นัทธพงศ์ จิรุระวงศ์ ประธานบริษัทและแพทย์ผิวหนังและเลเซอร์ Dr.TATTOF กล่าวว่า Dr.TATTOF มีการพัฒนารูปแบบการรักษาอย่างต่อเนื่อง เน้นให้ความสำคัญกับกระบวนการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลเป็นพิเศษ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุด โดยเน้นองค์ประกอบ ได้แก่
1. การตรวจประเมิน (Individual Assessment) อย่างละเอียดเกี่ยวกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล เพื่อระบุปัญหาและความต้องการที่แตกต่างกันของผู้รับบริการอย่างเป็นระบบ
2. การวินิจฉัยโรค (Diagnosis) ด้วยกระบวนการตรวจสอบและวินิจฉัยโรคอย่างถูกต้อง เพื่อให้ทราบสาเหตุและอาการ นำไปสู่การรักษาได้อย่างถูกจุด
3. แผนการรักษา (Treatment Plan) ที่จะออกแบบให้เหมาะสมกับผู้รับบริการ ด้วยวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับเฉพาะราย เพื่อผลลัพธ์ที่ผู้รับบริการคาดหวัง
4. การรักษา (Treatment) ที่มีมาตรฐานระดับสากล และปฏิบัติการรักษาอย่างเป็นระบบ
5. ประเมินหลังการรักษา (Evaluation) เพื่อประเมินผลการรักษา พัฒนา หรือปรับเปลี่ยนกระบวนการตามแต่ละบุคคล
6. ติดตามอาการ (Follow up) เพื่อให้คำแนะนำเพิ่มเติมหลังกระบวนการรักษาสิ้นสุดตามความเหมาะสมของผู้เข้ารับบริการแต่ละราย
คุณพงศยา ตราชูนิตย์ ผู้บริหาร Dr.TATTOF กล่าวว่า Dr.TATTOF ทุ่มเทพัฒนา เพื่อมอบบริการการลบรอยสักที่มีคุณภาพสูงให้แก่ผู้รับบริการมาโดยตลอด ด้วยการเลือกสรรนวัตกรรมเลเซอร์ทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐอเมริกา เช่น โปรแกรม PicoWay Laser และส่งมอบด้วยมาตรฐานการบริการพิเศษที่คำนึงถึงสภาพร่างกายของแต่บุคคล ทำให้ Dr.TATTOF สามารถลบรอยสักได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถลบได้ทุกแบบ ทุกขนาด ทุกสี และไม่ทำให้เกิดแผลเป็นหลังการรักษา
คุณพงศยา กล่าวเพิ่มเติมว่า “การรักษาที่เหนือระดับไม่ได้ขึ้นอยู่กับนวัตกรรมเลเซอร์ที่มีมาตรฐานเท่านั้น แต่เป็นการส่งมอบควบคู่กับบริการที่พิเศษกว่า ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของบุคลากรทางการแพทย์ที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลอย่างใกล้ชิดเฉพาะบุคคล ตลอดทุกขั้นตอนการรักษา ตั้งแต่การตรวจประเมิน การวินิจฉัย การสร้างแผนการรักษา การรักษา การประเมินหลังการรักษา และการติดตามอาการ ซึ่งการรักษาเฉพาะบุคคลจะกลายเป็นจุดเด่นของการส่งมอบบริการการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดแก่ผู้รับบริการ”
|